ทวงหนี้ผิดคน! เจ้าหนี้อุ้มพี่สาวลูกหนี้ ขึ้นรถกระบะไปเรียกค่าไถ่ 2 แสนบาท ต่อหน้าต่อตาเด็ก ๆ ในบ้าน ล่าสุด ตร.เรียกญาติ 2 ฝ่ายมาเคลียร์
จากกรณีที่นางศศิธร อายุ 54 ปี ถูกกลุ่มคนร้าย 4 คน ฉุดขึ้นรถกระบะจากหน้าบ้านพักตัวเองต่อหน้าลูกหลาน 3 คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อเวลา11.30น.วันที่ 8 กันยายน 2567 ในพื้นที่อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี เบื้องต้นญาติของผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความไว้ที่สภ.ไชยวาน และอยู่ระหว่างการสืบสวนให้การช่วยเหลือ ทราบว่าเป็นการอุ้มไปทวงหนี้และต่อรองเรียกค่าไถ่ให้ชดใช้เงิน 170,000 บาท แล้วจะปล่อยตัวไป
ความคืบหน้าล่าสุด เวลา 09.00 น.วันที่ 9 กันยายน 2567 ที่ห้องประชุมสภ.ไชยวานพ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม ผกก.สภ.ไชยวานได้เชิญนางแดง อายุ 79 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุและเป็นแม่ของนางศศิธร ผู้ถูกลักพาตัว และนางพันงา อายุ 56 ปี เจ้าหนี้คู่กรณีพร้อมด้วยญาติพี่น้องทั้ง 2 ฝ่ายร่วมให้ข้อมูลในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดขณะที่รถกระบะของกลุ่มคนร้ายก่อเหตุเสร็จแล้วหลบหนีไป
พ.ต.อ.รัฐพลชัย เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้เวลาประมาณ11.20น.ขณะที่นางศศิธร นั่งเล่นอยู่ที่เปลข้างบ้านได้มีกลุ่มคน 4 คนเป็นชาย 3 หญิง1 ขับรถกระบะแคปนิสสันนาวาร่าสีส้ม มาจอดที่หน้าบ้านแล้วเรียกนางศศิธร ไปหาที่รถ ก่อนจะถูกดึงตัวขึ้นรถไป หลังจากนั้นนางศศิธร โทรกลับมาบอกแม่ว่า มีคนจับตัวไปต้องการให้ใช้หนี้ ที่ น.ส.ชบาทิพย์ อายุ 44 ปีน้องสาว นางศศิธร และนายพิชิต อายุ 48 ปี สามีได้กู้ยืมมา แล้วจะปล่อยตัวกลับบ้าน
เบื้องต้นทราบว่าน.ส.ชบาทิพย์ และนายพิชิต สามีได้ไปยืมเงินนางพันงา 2 แสนบาท เมื่อเกือบ 10 ปี ก่อนแต่ยังชดใช้คืนไม่หมด จึงยกหนี้ก้อนนี้ให้ลูกสาว และลูกเขยไปติดตามหนี้
กระทั่งลูกเขยและลูกสาวของนางพันงา มาก่อเหตุลักพาตัวแล้วเรียกค่าไถ่เกิดขึ้น แต่คนที่ลักพาตัวไปเป็นนางศศิธร พี่สาวของน.ส.ชบาทิพย์ ลูกหนี้ที่แท้จริง
ระหว่างที่นางศศิธร ได้โทรศัพท์ติดต่ออยู่ตลอดเรียกเงิน 170,000 บาทมีการต่อรองจ่ายก่อน 30,000 บาทแล้วจะปล่อยตัว
ล่าสุดมีการต่อรองว่าให้เอารถกระบะของนางแดง ไปจอดไว้ที่บ้านของและนางพันงา แล้วจะถูกปล่อยตัว
ผกก.สภ.ไชยวาน เปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบกลุ่มผู้ก่อเหตุชื่อนายบรรพต หรือเสี่ยโก่ย และน.ส.จิรัตติยา ส่วนชายอีก 2 คนเป็นรุ่นน้องของเสี่ยโก่ยยั งไม่ทราบชื่อ
เบื้องต้นได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามกลุ่มคนดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างการต่อรองให้ปล่อยตัวนางศศิธร ทราบว่านางศศิธร อยู่ลักพาตัวไปอยู่ในพื้นที่อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการทวงหนี้โดยการกักขังหน่วงเหนี่ยว เรียกค่าไถ่ ส่วนเรื่องหนี้สินการกู้ยืมก็ต้องว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
นายพิชิต ลูกเขยเล่าว่าตนกับภรรยาไปยืมเงินจำนวน 2 แสนบาทกับนายเดือน แล้วไม่กี่เดือนทราบว่านายเดือน โดนจับไม่ทราบว่าข้อหาอะไร แต่ได้ทยอยจ่ายเงินไปแล้ว 4 หมื่นบาท เขาไม่คิดดอกเบี้ยจากนั้นญาติของนายเดือน เจ้าของเงินได้มาหาที่บ้านต้องการเงิน 2แสนบาท เพื่อจะไปช่วยนายเดือน ส่วนที่มีคนมาจับป้าหรือพี่สาวเมียไปเมื่อวานนี้ คิดว่าเป็นคนมาทวงหนี้ เนื่องจากนางศศิธร เป็นคนเลี้ยงลูกให้ตนและเลี้ยงลูกของญาติๆให้ซึ่งตนไม่อยู่บ้าน รู้สึกเสียใจที่มีคนมาจับตัวนางศศิธร ไปยืนยันตนจะใช้หนี้จะทยอยจ่ายหนี้ให้หมด
นางพันงา เจ้าหนี้เล่าว่าต นมีอาชีพเป็นนายหน้าขายที่ดินเมื่อเกือบ10 ปี ก่อนได้ค่านายหน้ามา 1.5 ล้าน ตนก็ไปหาทำบุญทำทานและปล่อยกู้ยืมเงินตนก็มาปล่อยให้ นายพิชิต ที่รู้จักกันตอนค้าขายอ้อยในพื้นที่วังสามหมอ เมื่อตนไปทวงถามก็ได้มาเพียงครั้งละ500ครั้งละ1,000บาทเท่านั้น พวกเขาเหนียวหนี้ตนก็ปล่อยไปเวรตามกรรมและก่อนหน้านี้ลูกสาวและลูกเขยมาบอกว่าไม่มีเงิน ต้องการใช้เงินตนก็บอกให้ไปทวงถามลูกหนี้เจ้านี้เอาเอง เพราะตนก็ไม่มีเงินเรื่องที่จับตัวกันไปตนก็ยอมรับว่าทำเกินกว่าเหตุ
Advertisement