หนุ่มฉุนเมียสาวสอง จะทุบศาลพระภูมิ คว้าปืนยิงดับ ก่อนขับรถไปมอบตัว ขณะที่เพื่อนบ้านเผยสาวสอง นำที่ดินไปจำนองก่อนรู้ความจริง
เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 18 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา นายพรพจน์ ศุภกิจตยา อายุ 37 ปี เดินทางมาพบกับ ร.ต.อ.ธนเดช โครงพิมาย ร้อยเวรสภ.หลักห้า อ.ดำเนินสะดวก พร้อมกับนำอาวุธปืนลูกซองมามอบให้กับทางตำรวจพร้อมกับสารภาพว่า ได้ใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงภรรยาเสียชีวิตที่บ้าน ภายในพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ก่อนจะขับรถมามอบตัว
หลังได้รับตัวนายพรพจน์ ตำรวจเดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลดำเนินสะดวก และหน่วยกู้ภัยสว่างราชบุรี และนำตัวผู้ต้องหาไปชี้ในจุดเกิดเหตุด้วย
ซึ่งในที่เกิดเหตุพบศพนายเฌอมาลย์ อายุ 35 ปี นอนเสียชีวิตบริเวณหน้าศาลพระภูมิมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่บริเวณลำคอ ชายโครงและขาด้านซ้าย มีบาดแผลจำนวนมาก
สอบถามนายพรพจน์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าผู้ตายเป็นภรรยา (รักร่วมเพศ) อยู่ร่วมกันมากว่า 4 ปี และจะมีเรื่องทะเลาะกันรุนแรงบ่อยครั้ง ก่อนเกิดเหตุได้อยู่ที่บ้านของนายเฌอมาลย์ และทะเลาะกันอย่างรุนแรง จึงได้ขับรถกลับมาที่บ้านที่เกิดเหตุ แต่นายเฌอมาลย์ ได้ขับรถตามมาพร้อมทั้งใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ทุบศาลพระภูมิที่บ้าน ซึ่งนายพรพจน์ ได้พยายามห้ามแต่ผู้ตายไม่ยอมฟังจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายเฌอมาลย์ เสียชีวิตทันที ก่อนจะตัดสินใจขับรถเข้าไปมอบตัวที่สภ.หลักห้า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายพรพจน์ ไว้สอบสวนดำเนินคดี
ล่าสุดทีมข่าวเดินทางไปที่สถานีตำรวจ สภ.หลักห้า ปรากฏว่าตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาอยู่ภายในห้องขัง ภายหลังที่มีการสอบปากคำรวมไปถึงมีการตั้งข้อหา “ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา - และพกพาอาวุธปืนไปในที่ชุมชน รวมไปถึงประเด็นครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ” ปรากฏว่าที่สถานีตำรวจไม่ได้มีกลุ่มญาติหรือคนเข้าไปเยี่ยม
ต่อมาทางทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุ บ้านไม้ 2 ชั้น ซึ่งอยู่ภายในสวนมะพร้าว ทั้งนี้ที่เกิดเหตุพบว่าบ้านปิดล็อกไว้จากด้านนอก ไม่มีคนอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันในบริเวณด้านข้างพบศาลพระภูมิซึ่งมีการตั้งเป็นฐานสูงขึ้นประมาณ 50 เมตร โดยจะมีศาลพระภูมิ 2 หลัง ตั้งติดอยู่ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุโดยบริเวณดังกล่าวยังพบรองเท้าคู่หนึ่ง ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นของผู้เสียชีวิต ระหว่างบ้านกับศาลพระภูมิพบรถเก๋งสีน้ำเงินหนึ่งคันซึ่งทราบว่าเป็นรถของผู้ก่อเหตุ เนื่องจากหลังเกิดเรื่องทางผู้ก่อเหตุได้มีการขับรถเก๋งของผู้ตายขับออกไปมอบตัว
ทีมข่าวได้สำรวจบริเวณโดยรอบปรากฏว่าในส่วนของเพื่อนบ้าน ไม่ได้มีใครให้ข้อมูล เนื่องจากเพื่อนบ้านเองยอมรับว่าได้ยินเสียงปืนประมาณ 4-5 นัด แต่ตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรจึงกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา ยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องและไม่รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมาทางทีมข่าวได้พูดคุยกับทาง นายประยูร มาตรา ประธานสภา ส.อบต.ดอนไผ่ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในพื้นที่และเป็นคนรู้จักกับทางผู้ก่อเหตุ ทางเจ้าตัวได้เล่าว่าก่อนหน้านี้ในส่วนของประวัติผู้ก่อเหตุหรือ “นายชวน” เคยมีประวัติต้องโทษเกี่ยวกับเรื่องของอาวุธปืน และยาเสพติด เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่งจะพ้นโทษออกมาได้ประมาณ 4 ปี ก่อนที่จะมาคบหาและดูใจกับทางผู้เสียชีวิต โดยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาทางฝ่ายหญิงมักจะอาศัยอยู่กับทางฝ่ายชายเป็นประจำ ทั้งคู่ก็เคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นรุนแรง ที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีปัญหากันตนเข้าไปช่วยห้ามเนื่องจากทางผู้ตาย มักจะอาละวาดและจะทำลายศาลพระภูมิเป็นประจำ ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่ที่ผ่านมาเคยมีทำลายไปแล้ว ประมาณ 1-2 ครั้ง และเพิ่งจะมีการสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อไม่นาน
ยอมรับว่าช่วงหลังทั้งคู่คล้ายว่าแยกทางกันอยู่ แต่ก็ยังไปๆ มาๆ กันตลอด เช่นเดียวกับวันที่เกิดเรื่อง ก็ไม่ได้เห็นฝ่ายหญิงมาที่บ้าน แต่เห็นฝ่ายชายบ่นเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน ซึ่งปัญหานี้ตนก็ไม่ทราบเพราะหลังจากที่เกิดเรื่องตนได้มีโอกาสสอบถามกับทางผู้ก่อเหตุ ก็เล่าว่าตอนที่เกิดเรื่องเป็นเพราะเค้าเองมีความเครียดเนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเองถูกคดีเกี่ยวกับเรื่องของอาวุธปืน ซึ่งอีก 2-3 วัน เขาเองจะต้องไปขึ้นศาล และจะต้องลงโทษน่าจะเข้าเรือนจำ ประจวบกับก่อนหน้านี้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ดินซึ่งเป็นพื้นที่ บ้านจุดที่เกิดเหตุกับบริเวณสวนมะพร้าวที่อยู่บริเวณโดยรอบ มีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ซึ่งก่อนเจ้าตัวทราบว่าจะต้องโดนดำเนินคดีและต้องโทษเลยตัดสินใจจะนำที่ดินดังกล่าว ไปจำนองและขายเพื่อนำเงินมาให้กับทางญาติพี่น้องคนอื่น ซึ่งที่ดินดังกล่าวมูลค่าหลักล้าน
แต่ปรากฏว่ามาทราบความจริงภายหลังว่าทางผู้เสียชีวิต ได้เอาที่ดินบางส่วนจากจำนวน 12 ไร่ ไปจำนองบางส่วน เพิ่งจะมาทราบเรื่องตอนที่มีคนมาดูที่และเซ็นสัญญา ทำให้ทางผู้ก่อเหตุทราบเรื่องแล้วโกรธ เพราะก่อนหน้านี้ผู้ตายเองก็เคยเอาที่ดินดังกล่าวไปจำนองและฝากขายจนทำให้ทางผู้ก่อเหตุพยายามที่จะทำงานหาเงินและมาไถ่ที่ดินดังกล่าวออก ทำให้เป็นความเครียดสะสม
ส่วนที่เกิดเรื่องด้วยความที่ฝ่ายผู้ตายพยายามที่จะเข้าไปทำลายศาลพระภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางผู้ก่อเหตุมองว่าศาลพระภูมิไม่ได้เกี่ยวอะไร เพราะเป็นที่เก็บกระดูกของบรรพบุรุษด้วยบางส่วน เขาก็เลยบอกว่าปู่ ย่า กูไม่เกี่ยวไรด้วย แล้วไปทำลายทำไม ทำให้เขาเองเอาอาวุธปืนดังกล่าวมากระหน่ำยิงจนทางผู้ตายเสียชีวิต
ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนเองเคยสนิทแต่พอออกจากคุกมาได้ประมาณ 3-4 ปี ช่วงหลัง ก็ไม่ได้คุยกันเขาเองดูไม่สุงสิงกับใคร มักจะอยู่กับทางแฟนสาวสองคนดั ส่วนเรื่องที่เขาทะเลาะกันบ่อยครั้งยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงแต่ส่วนใหญ่ไม่เคยมีการทำร้ายร่างกายถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ แต่จะเป็นการมีปากเสียงและคลายว่าทำลายข้าวของ เนื่องจากของภายในบ้านเองผู้ตายก็มักจะทำลายทิ้งจนแม้กระทั่งจานข้าวที่จะกินข้าวก็ไม่มี ทำให้ทางผู้ก่อเหตุโกรธแค้นและด้วยว่าอีกไม่กี่วันจะต้องไปต้องโทษเลยทำให้เกิดเป็นความเครียดสะสม
Advertisement