ดับฝันสายเสียว! รวบหนุ่มจบ ม.3 รับฝังมุก-ฉีดขยายขนาดเจ้าโลก จนติดเชื้อรุนแรง อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ใช้งานไม่ได้
วันที่ 19 กันยายน 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, ร่วมจับกุม นายกิตติกร อายุ 36 ปี ในความผิดฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน และรับอนุญาต” ตรวจยึดของกลาง 22 รายการ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ให้ทำการสืบสวนกรณีมีบุคคลเปิดให้บริการผ่าตัดฝังมุก เสริมซิลิโคน และฉีดฟิลเลอร์อวัยวะเพศชายผ่านเฟซบุค “ไม้เลื้อย โมดิฟายดิ์” โดยเปิดรับฝังมุก ซิลิโคนและฉีดฟิลเลอร์ ให้ประชาชนทั่วไป โดยมีผู้รับการฉีดซิลิโคนเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ จนเกิดการอักเสบและติดเชื้อรุนแรง แม้หลังจากรับการรักษาอาการอักเสบแล้ว ยังมีอาการเจ็บปวดทรมานอวัยวะเพศ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว และไม่สามารถใช้งานหรือมีเพศสัมพันธ์ได้ตั้งแต่ไปฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประสบปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนจนทราบถึงตัวผู้กระทำผิดโดยพบว่า มีการนัดหมายเพื่อทำการฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย และฝังมุกโดยใช้บ้านพักเป็นสถานที่ในการนัดหมายจริง
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) ตรวจสอบบ้านทาวเฮาว์ 2 ชั้น ในพื้นที่ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พบ นายกิตติกร อายุ 36 ปี กำลังให้บริการลูกค้าที่นัดหมายฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย โดยรับว่าตนไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ และไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด โดยบ้านหลังดังกล่าวดัดแปลงชั้น 2 ของบ้าน เป็นสถานที่ทำการรับผ่าตัด หรือฉีดเพิ่มขนาด โดยไม่มีเตียง และเครื่องมือแพทย์ที่ถูกสุขอนามัยแต่อย่างใด พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยา, เวชภัณฑ์, เครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ในการผ่าตัด รวม 22 รายการ จึงร่วมกันจับกุมนายกิตติกรฯ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน และรับอนุญาต”
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าตนไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด ซึ่งเรียนจบการศึกษาระดับชั้น ม.3 จากจังหวัดพังงา และได้เรียนวิชาฝังมุกและเริ่มทำครั้งแรก ตอน อายุ 14 ปี และทำมาตลอดรวม ๆ แล้ว ประมาณ 20 ปี โดยมีลูกค้า ประมาณ เดือน ละ 2-3 ราย เป็นรายได้ครั้งละ 5,000-20,000 บาท
การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม
1.พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน และรับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดร.ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะมีการนำเสนออันตรายจากการฉีดสารแปลกปลอมเพื่อขยายขนาดอวัยวะเพศอยู่เป็นระยะ แต่อาจด้วยการมีค่านิยมว่าเพศชายจะต้องมีอวัยวะเพศขนาดใหญ่ จึงทำให้ชายไทยบางส่วนยอมเสี่ยงอันตรายเข้ารับบริการ โดยการฉีดสารแปลกปลอมเพื่อขยายขนาดอวัยวะเพศนั้น จะให้บริการโดยบุคคลที่มิใช่แพทย์ ซึ่งมักจะใช้สารแปลกปลอมที่ไม่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ เช่น น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก ซิลิโคนที่ใช้ในอุตสาหกรรม มาฉีดเข้าใต้ผิวหนังของอวัยวะเพศชาย โดยอ้างว่าจะช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ แต่ความจริงนั้นส่วนที่ทำให้ขนาดของอวัยวะเพศดูใหญ่ขึ้นมีเพียงส่วนของผิวหนังที่หุ้มอวัยวะเพศ ขนาดของตัวแกนอวัยวะเพศมิได้ใหญ่ขึ้นแต่อย่างใด โดยผิวหนังที่ได้รับการฉีดสารแปลกปลอมจะ เกิดอาการอักเสบ บวมแดง หรือหมดความยืดหยุ่นเกิดการดึงรั้งอวัยวะเพศ จนไม่สามารถปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์ได้
ทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการติดเชื้อเป็นหนองและติดเชื้อไวรัสอันตราย เช่น ไวรัสเอชไอวี (Human immunodeficiency virus, HIV) หรือไวรัสตับอักเสบจากการฉีดโดยอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด และการอักเสบเรื้อรังจากการฉีดสารแปลกปลอมเข้าอวัยวะเพศก็อาจจะทำให้เกิดมะเร็งจนต้องตัดอวัยวะเพศทิ้ง ก่อให้เกิดการสูญเสียทั้งทรัพย์สิน และสุขภาพโดยไม่จำเป็น
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าการฝังมุกหรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายเป็นรสนิยมทางเพศส่วนตัวในแต่ละบุคคล ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพในแง่ทางการแพทย์แต่อย่างใด การผ่าตัดเพื่อใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในอวัยวะเพศอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบจนถึงขั้นติดเชื้อและอาจส่งผลร้ายให้อวัยวะเพศใช้การไม่ได้ และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค
Advertisement