น้ำเหนือทะลัก กรมชลประทาน เตือน 11จว.ภาคกลางเตรียมรับมือ เฝ้าระวังปริมาณน้ำ จากอิทธิพลจากร่องมรุสมกำลังแรง และ พายุโซนร้อนซูลิก
วันที่ 24 ก.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ กรมชลประทานได้ประกาศแจ้งเตือน 11 จังหวัดภาคกลาง ประกอบด้วย อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานครฯ ต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่จะเกิดขึ้น จากอิทธิพลจากร่องมรุสมกำลังแรง และ พายุโซนร้อนซูลิกที่จะทำให้ฝนตกหนักทางตอนบน และภาคกลางของประเทศ
มีผลทำให้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้น และอาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดขึ้นไปในเกณฑ์ไม่เกิน1,500ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้นอีก 60-100 ซม.นั้น
ล่าสุดสถานการณ์น้ำที่ เขื่อนเเจ้าพระยากุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มภาคกลางคงการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน เพื่อรักษาสมดุลน้ำทั้ง 2 ด้าน โดยปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องล่าสุด เวลา 24.00 น. วัดได้1,401ลบ.ม.ต่อวินาที โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวขึ้น 60 ซม. ในรอบ 24 ชั่วโมง
ล่าสุดวัดได้ 15.41 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้คงการระบายน้ำไว้ที่1,049 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็นวันที่ 7 เพื่อสร้างความสมดุล ระหว่างน้ำเหนือและท้ายเขื่อน และสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับปริมาณน้ำจากอิทธิพลของพาร่องมรสุมกำลังแรง และพายุซูลิก ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนทรงตัวในรอบ 7 วันล่าสุดวัดได้ 11.16 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ทั้งนี้จากการคงการระบายน้ำอย่างต่อเนื่องอัตรา 1,049 ลบ.ม.ต่อวินาทีของ เขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น 5-10 ซม.ใน 24 ชั่วโมง และจากปริมาณฝนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุซูลิก จึงขอให้พื้นที่ลุ่มนอกคันกั้นน้ำเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป
Advertisement