บัวหิมะ ชื่อนี้หลายคนคงรู้จักทั้งในประเภทของพืชสดๆ และที่เป็นตัวครีม ซึ่งบัวหิมะจัดเป็นพืชที่มากด้วยสรรพคุณหลายด้าน ทั้งลดน้ำหนัก ต้านมะเร็ง และยังช่วยรักษาแผลอักเสบทางผิวหนังจากไฟไหม้และน้ำร้อนลวกได้ด้วย
จากกรณีเหตุสะเทือนขวัญไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี บนถนนวิภาวดีรังสิต จ.ปทุมธานี จนเป็นเหตุให้เด็กนักเรียนและครูสูญหายมากกว่า 20 คน นอกจากนี้ยังมีนักเรียนและครูที่ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
ล่าสุดนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมรับมอบผลิตภัณฑ์บัวหิมะ จำนวน 200 หลอด มูลค่า 200,000 บาท จาก นายอู๋ จื้ออู่ อุปทูตของสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เพื่อนำมาใช้ในการบรรเทาความเจ็บปวดและลดการเป็นแผลเป็นของผิวหนังที่ไหม้ให้กับนักเรียนจากเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา ซึ่งเป็นการผลิตขึ้นใหม่ในช่วงวันชาติจีน มีการนำเข้าถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง และเตรียมนำไปมอบให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป
อมรินทร์ออนไลน์จะพามาทำความรู้จักบัวหิมะ และสรรพคุณมากประโยชน์มากมายของพืชชนิดนี้กัน
"บัวหิมะ" มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Yacon เป็นชื่อสามัญของพืชในสกุล Saussurea อยู่ในวงศ์ Compositae เป็นพืชที่ขึ้นในที่สูง มีหิมะปกคลุม ในเอเชียกลาง และจีน เช่น ในทิเบต มณฑลยูนนาน เสฉวน ซินเจียงอุยกูร์ ส่วนที่นิยมมาทำอาหารคือส่วนที่เป็นราก สามารถทานสดได้ มีรสชาติและเนื้อสัมผัสคล้ายมันแกวผสมแห้ว มีความกรอบและฉ่ำน้ำคล้ายสาลี่ เป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ แต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โพแทสเซียม โซเดียม และสังกะสี
เป็นอีกหนึ่งอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก นอกจากนี้บัวหิมะยังเป็นแหล่งไฟเบอร์ โปรตีน และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องร่างกายจากความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน
นอกจากสามารถกินได้สดๆ บัวหิมะยังสามารถนำมาดัดแปลงเป็นเมนูอื่นๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น บัวหิมะต้มซุปกระดูกหมู, บัวหิมะผัดกุ้ง, สลัดบัวหิมะ, ชาบัวหิมะ, น้ำบัวหิมะ, บัวหิมะไส้สตรอว์เบอร์รี, บัวหิมะน้ำขิง, หรือแม้แต่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น อย่าง บัวหิมะกระป๋อง, บัวหิมะแผ่น เป็นต้น รวมถึงนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์ อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ อีกหนึ่งคุณประโยชน์จากบัวหิมะ
ประโยชน์ของบัวหิมะ
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
- ป้องกันโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด เส้นเลือดตีบตัน และลดระดับความดันโลหิต
- ช่วยลดและป้องกันไขมันพอกตับไขมัน และลดน้ำตาลในเลือด
- ช่วยชะลอความเสื่อมของของร่างกาย
- ให้แคลอรี่ต่ำแต่ใยอาหารสูง จึงเหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องผูกและท้องเสีย
- ช่วยขับสารพิษในร่างกาย แก้อาการร้อนใน
แม้บัวหิมะเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น แต่ก็ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจมีอาการท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสีย ท้องผูก หรือมีประจำเดือน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานบัวหิมะในปริมาณที่มากเกิน รวมถึงในหญิงให้นมบุตรไม่ควรกินบัวหิมะสด เพราะอาจส่งผลต่อน้ำนมทำให้ทารกเกิดอาการท้องเสียได้
นอกจากนี้บัวหิมะยังมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลและอาการอักเสบทางผิวหนัง แก้ปวดแสบปวดร้อน พุพอง จากการเกิดอุบัติไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวกได้ด้วย
ซึ่งคุณประโยชน์ของบัวหิมะได้รับการยอมรับจากงานวิจัยอย่างแพร่หลาย ทำให้บัวหิมะถูกนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีม ใช้รักษาอาการคันและบรรเทาอาการอักเสบตามผิวหนังจากไฟไหม้และน้ำร้อนลวกได้ ส่วนประกอบหลักๆ ที่มักพบในครีมบัวหิมะได้แก่ โสม ว่านหางจระเข้ การบูร ชะมดเช็ด และผงไข่มุก แต่อาจมีการเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ เช่น วิตามินอี เพื่อใช้ในการ บำรงผิว สรรพคุณ รักษาแผลไฟไหมน้ำร้อนลวก แก้แผลพุพอง ผื่นคัน และแมลงสัตว์กัดต่อย แต่อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์จากบัวหิมะในรูปแบบของครีมที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดถือว่ามีราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร
อย่างไรก็ตามการใช้ครีมบัวหิมะ ก็มีข้อควรระวังให้ต้องปฏิบัติตาม โดยข้อควรระวังเบื้องต้นได้แก่
- ใช้ทาภายนอกเท่านั้น ไม่ควรทาลงบนแผลเปิดหรือแผลสดโดยตรง และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 1 สัปดาห์
- ไม่ควรใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
- หากเกิดอาการแพ้ ควรหยดใช้ทันที และหากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์
ผู้ใช้จึงต้องต้องทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ และใช้อย่างระมัดระวังตามคำแนะนำเบื้องต้น
ข้อมูลอ้างอิง :กระทรวงสาธารณสุข , สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
Advertisement