ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบ 4 กรรมการบริษัททิพย์ เผยพฤติกรรมสุดแสบเปิดบริษัทออกใบกำกับภาษีปลอม จำนวน 105 ฉบับ รัฐเสียหายกว่า 17 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งหมด 4 ราย ประกอบด้วย
ในข้อหา “ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3)” แห่งประมวลรัษฎากร โดยพฤติการณ์ที่สืบทราบได้ ช่วงเดือน มีนาคม 2557 บริษัท มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับประกอบธุรกิจการขายวัสดุก่อสร้าง แต่เจ้าพนักงานกรมสรรพากร ตรวจสอบพบว่า บริษัท ดังกล่าว ไม่มีการประกอบกิจการ ณ สถานประกอบการดังกล่าวจริง โดยสถานที่ตั้งบริษัท มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ สามชั้นครึ่ง สภาพเก่า ไม่พบการประกอบกิจการของบริษัทฯ สอบถามผู้อาศัยข้างเคียงให้การว่า บริษัท ได้ยกเลิกการเช่าอาคารดังกล่าว เมื่อปลายเดือนกันยายน 2559 และไม่ทราบว่าย้ายสถานประกอบการไปที่ใด ไม่สามารถติดต่อได้ กรมสรรพากรจึงเชื่อว่าบริษัทดังกล่าว มีการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาไม่ได้มีเจตนาที่จะประกอบกิจการจริง ประกอบกับบริษัทดังกล่าวไม่ส่งมอบเอกสารให้เจ้าพนักงานกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบแต่อย่างใด แต่บริษัทดังกล่าวได้ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกช่วงเดือนภาษีมิถุนายน 2557 ถึงเดือนภาษีสิงหาคม 2559 ให้กับผู้ประกอบการรายอื่น นอกจากนี้กรมสรรพากรได้รับแจ้งจาก สำนักงานสรรพากรพื้นที่ต่าง ๆ พบว่า มีใบกำกับภาษีขายที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ออกโดย บริษัทดังกล่าว ไปยังผู้ประกอบเพื่อใช้ยื่นขอเครดิตภาษี(ขอคืน)
ทางกรมสรรพากรรวมใบกำกับภาษีจำนวน 105 ฉบับ ซึ่งใบกำกับภาษีดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้นและไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริง รวมมูลค่าสินค้ากว่า 16 ล้านบาท คิดเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) กว่า 1 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 17.9 ล้านบาท จึงเชื่อได้ว่า การออกใบกำกับภาษีดังกล่าวเป็นการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิด ตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
จากนั้นพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. ได้อออกหมายเรียกเพื่อติดต่อตัวกรรมการทั้ง 4 ราย มาทราบข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่มีกรรมการคนใดมาพบพนักงานสบอสวนตามที่ออกหมายเรียกไป จึงเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์หลบหนี พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุญาตศาลเพื่อออกหมายจับเพื่อนำตัวกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และมีการให้รายละเอียดคำให้การในลักษณะตรงกันว่าไม่รู้จักบริษัทดังกล่าว แต่อย่างใดแต่ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ให้การเพียง เมื่อปี พ.ศ.2557 เคยมีคนขอบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้เกี่ยวกับการตัวแทนขายสินค้าให้รูปแบบขายตรงเท่านั้น
Advertisement