สายไหมต้องรอดแฉ พบความปิดปกติ บอสรายหนึ่งโอนเงินหนี 8 พันล้าน
เอก สายไหมต้องรอด แฉพบความปิดปกติ ก่อนที่ บอสดิไอคอนคนสุดท้ายจะถูกจับ มีการโอนเงินหนี 8 พันล้านบาท
คอนเทนต์แนะนำ
วันที่ 18 ต.ค.67 กรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหม ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ “โค๊ชแล็ป” ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ สกุลเงิน USDT คือสกุลเงินดิจิทัล หรือยูเอสดอลลาร์ ที่มีอัตราแลกเปลี่ยน 1 USDT ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ของบริษัท Tether ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้แพร่หลายมากที่สุดในโลก และได้รับความเชื่อถือในตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลมาก
ล่าสุด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหม ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางมายื่นเอกสารหลักฐานที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเปิดเผยว่า ตนไม่รู้เรื่องคริปโต เพราะเราไม่มีเหรียญสกุลเงินพวกนี้ เพียงแต่ว่าตนมีโอกาสได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโต ก็เลยมาปรึกษากันว่า ปกติถ้าคนถือคริปโตไว้แล้วก็อยู่ในสถานการณ์ที่เขาอาจจะต้องถูกจับกุม เขาต้องทำยังไง ผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าจะต้องเข้าไปดูในข้อมูลออนไลน์ของเรียนคริปโตที่คิดว่าเขาจะถือ
ผู้เชี่ยวชาญก็เลยเข้าไปดูในนั้น แล้วกดเข้าไปดูปุ๊บก็เจอ แต่ขอบอกก่อนว่ายังไม่ได้ไปยืนยันว่าเกี่ยวกับคดีดิไอคอน แต่แค่ตั้งข้อสังเกตว่าพบความผิดปกติในการโอนเงินยอดนี้ ซึ่งเป็นยอดเยอะมาก คือ 247,911,936 USDT หรือมูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท เพราะห้วงระยะเวลาในการโอน มันอยู่ในห้วงระยะเวลาใกล้ใกล้กับบอสคนสุดท้ายจะถูกจับ ไปดูกันเอาว่าเป็นบอสท่านไหน
และข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือพอโยกเงินก้อนใหญ่แล้ว เขาตั้งการซื้อแบบออโต้ไว้เลย คือจะขายอันนี้เพื่อจะซื้ออีกสกุลเงินหนึ่ง โดยที่ตัวเองไม่ได้ซื้อเอง แต่ตั้งออโต้ไว้เพื่อให้ซื้อ
ซึ่งมองได้ 2 แบบว่าเขาอาจจะไม่ได้นั่งหน้าจอ หรือเค้าอาจจะยุ่งอยู่ จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการโอนเงินที่ผิดปกติ
ซึ่งต้องให้ตำรวจค้นหาฮาร์ดแวร์วอลเล็ต ให้เจอ ซึ่งฮาร์ดแวร์วอลเล็ต เป็นเหมือนธนาคารของการเก็บเงินคริปโต และเป็นกุญแจสำคัญที่จะเจอข้อมูลว่าเงินถูกย้ายไปเก็บในนั้นอีกจำนวนเท่าไหร่ แต่ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตจะมีรหัสล็อค 4 ตัว เจ้าของเท่านั้นถึงจะเข้าไปและกู้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องไปเค้นสอบมาให้ได้
Advertisement
