วันนี้ (13พ.ย.67) เวลา14.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมประชุมความคืบหน้าคดีนักร้องเรียนสาวตบทรัพย์ดิไอคอนกรุ๊ป และคลิปเสียงฉาวล่าสุดที่ปรากฎเสียงนางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวต้านโกง และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อดีตนักแสดงชื่อดัง เนื้อหาใจความสำคัญเป็นการพูดคุยเหมือนเป็นการเรียกรับเงิน 20 ล้านบาทจาก “บอสปัน” หรือ นางสาวปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร แล้วจะพามาออกรายการดัง ว่า สำหรับวันนี้เป็นการประชุมใน 5 เรื่องที่รับมาดำเนินการไว้แล้ว ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก
เรื่องแรก เป็นกรณีของนางสาวกฤษอนงค์ ที่เราได้รวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลต่างๆ ในประเด็นที่ไปกรรโชกทรัพย์จากบอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป จำนวน 300,000 กับ 450,000 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการประสานงาน โดยอ้างว่าจะให้บอสพอลเยียวยาผู้เสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้มีความชัดเจนไปแล้ว 80-90 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนการบังคับใช้กฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการ เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดฐานกรรโชกทรัพย์
เมื่อถามว่าจะเป็นวันลอยกระทงเลยหรือไม่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ตอบแบบขำๆ ว่า “ก็คงได้ลอยกระทงกันที่นี่แหละ”
ส่วนเรื่องที่สอง เป็นเรื่องล่าสุดที่ปรากฎคลิปเสียงของนางสาวกฤษอนงค์ และ ฟิล์ม รัฐภูมิ นั้น ทนายความของหนุ่ม กรรชัย ได้มาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับทั้ง 2 คน โดยได้มอบหมายให้กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้รับผิดชอบ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและตั้งคดีขึ้นมา ซึ่งพฤติกรรมและคลิปเสียงที่ออกมา ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้ว เหลือการสอบพยานปากอื่นๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ อีกประมาณ 3-4 ปาก
ยืนยันว่าจากการตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าว เป็นคลิปเต็ม ไม่ใช่คลิปตัดต่อ ส่วนที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ แถลงข่าวว่าเป็นคลิปตัดต่อนั้น อาจจะมองว่าคลิปที่ออกมาเป็นช่วงๆ เป็นการตัดต่อออกมา แต่เมื่อไปรวมกัน ก็เป็นคลิปเดียว ในส่วนของหนุ่ม กรรชัยนั้น ก็จะต้องเรียกมาให้ปากคำด้วย โดยสามารถเรียกมาได้เลย
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการประสานกับทนายความของบอสพอล ให้นำหลักฐานและคลิปต่างๆ มาร้องทุกข์แจ้งความอีก 1 คดี ซึ่งเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกง
สำหรับกรณีของ ฟิล์ม รัฐภูมิ นั้น พบว่าเป็นลักษณะของการพยายามที่จะให้มีการจ่ายเงิน โดยใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่มีเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการอุปโลกน์ ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานพยายามฉ้อโกง ในส่วนของฟิล์มจะได้รับโทษ 2 ใน 3 ของคดีฉ้อโกง และหมิ่นประมาท โดยอาจพิจารณาเป็นการเรียกเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหา
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ บอกด้วยว่า ในส่วนของนางสาวกฤษอนงค์ ยังมีอีกคดีที่ทนายความของบอสพอล แจ้งความไว้ เกี่ยวกับเรื่องการจ้างงานที่มีการจ่ายเงินแล้ว แต่ไม่ได้รับงานตามที่ว่าจ้าง ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง โดยเรื่องนี้ยังไม่ได้นำมาพิจารณาในตอนนี้
เมื่อถามว่ากรณีของนักการเมือง ส. นั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ระบุว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างรอหนังสือชี้แจงการแต่งตั้งตั้งแต่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการเองได้ แต่ถ้าเป็นการให้โดยเสน่หาและผู้เสียหายไม่เอาเรื่อง ก็ยากที่จะดำเนินการ จึงรอเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตลอดจนเส้นทางการเงินที่อาจจะไปพัวพันกับแม่ หากพบเราก็จะรายงานข้อเท็จจริงส่งไปที่ดีเอสไอ
ทั้งนี้พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ พูดทิ้งท้ายว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้กังวลอะไรในการทำงาน เพราะเราต้องทำทุกอย่างให้โปร่งใส ชัดเจนและตรวจสอบได้ ทุกคนอยู่ในภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่มีใครไปกลั่นแกล้งใครได้ เจ้าหน้าที่ทำตามหลักฐานข้อเท็จจริง ยืนยันว่าไม่กลัวหรือกังวลอะไร โดยเราทำตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ให้มีความชัดเจน ชี้แจงกับสังคมได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องปัดกวาดบ้านเมืองให้ดีขึ้น
“เราจะบอกว่าผู้หวังดีหรือชมรมต่างๆที่ช่วยเหลือสังคม บางทีก็เป็นนางฟ้า บางทีก็เป็นมาร ไม่รู้ว่าเขาจะแสดงตนตอนไหนว่าเป็นนางฟ้า หรือเป็นมาร ก็อยากจะบอกพี่น้องประชาชนการจะใช้บริการใคร หรือการจะให้ใครช่วยเหลือ ท่านมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยจะดีกว่า เพราะไม่เช่นนั้นท่านอาจจะถูกเรียกเอาเงินบางส่วน ไปเองด้วยกี่เปอร์เซ็นต์หรือท่านอาจจะตกเป็นเหยื่อ เมื่อจบเรื่องเขาก็ยังมาตีเอาทรัพย์อีก ก็อยากเตือนพี่น้องประชาชน จะทำอะไรก็ต้องปรึกษาให้ดีและไตร่ตรองให้ดี”
ส่วนกรณีของคุณเอกสายไหม จะมีความชัดเจนในช่วงสัปดาห์หน้า
Advertisement