ทนายรณณรงค์ พา 400 ผู้เสียหายคัดค้านประกันตัว นายกอบต.
ทนายรณณรงค์ พา 400 ผู้เสียหายโครงการธนาคารหมู่บ้าน คัดค้านประกันตัว นายกอบต.พิษณุโลก พร้อมพวกคดีแชร์ลูกโซ่ เสียหาย 500 ล้าน
วันที่ 18 พ.ย. 67 ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ชาวบ้านหลายตำบลจาก อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ที่ได้รับความเสียหายจาก โครงการธนาคารหมู่บ้านฯที่มี นายสมศักดิ์ (สงวนนามสกุล) นายกอบต. เป็น 1 ในผู้ต้องหา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 67 นั้น
คอนเทนต์แนะนำ
โดยมีนาย รณรงค์ แก้วเพ็ชร หรือ ทนายรณรงค์ ทนายความและนักกฎหมาย มาเป็นที่ปรึกษาให้แก่ตัวแทนผู้เสียหายที่มารวมตัวในวันนี้ ประมาณ 400 คน ได้เตรียมยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัวนายสมศักดิ์พร้อมพวก ที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก
ซึ่งผู้เสียหายแจ้งผ่านทนายรณรงค์ว่า ตั้งแต่นายสมศักดิ์เป็นแกนนำธนาคารหมู่บ้านต่างๆ และมีตำแหน่งเป็น ประธานธนาคารหมู่บ้านด้วย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปนั้นได้มีความเคลื่อนไหวหลายอย่างในพื้นที่ โดยมีการข่มขู่ให้ชาวบ้านเกรงกลัวว่าจะมีการดำเนินดคีแจ้งความกลับทุกคน ซึ่งชาวบ้านก็พร้อมที่จะสู้คดี
ขณะที่ผู้เสียหายบางคนได้เล่าถึงความยากลำบากในการเบิกถอนเงินของตนเองออกจากบัญชาธนาคารหมู่บ้าน เพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นช่วงวิกฤต เจ็บป่วย หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตก็ไม่สามารถเบิกถอนเงินได้ จึงจำเป็นต้องร่วมกันแจ้งความดำเนินคดีกับกรรมการบริหาร ธนาคารหมู่บ้าน
จากนั้นทนายรณรงค์ได้นำผู้เสียหายทั้งหมดไปพบกับนายอัครโชค สุวรรณทอง ปลัดจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้จังหวัดพิษณุโลกได้ช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากคดีนี้ โดยได้ส่งตัวแทนผูเสียหายเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทางจังหวัด ก่อนที่จะพากันไปที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด
ขณะนี้ชาวบ้านที่มารวมตัวกันในครั้งนี้ มีความกังวลว่า ถ้าผู้ต้องหาทั้งหมดได้ประกันตัวออกไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และข่มขู่ทำร้ายผู้เสียหาย เบื้องต้นความเสียหายเท่าที่ทราบประมาณ 400 ล้านบาท และในความรู้สึกส่วนตัวกับเงินที่ฝากเอาไว้กับธนาคารหมู่บ้าน แต่ไม่ได้ใช้ เงินที่หามาทั้งชีวิต ไม่ได้คืนสักบาท
ด้านทนายรณรงค์ เปิดเผยว่า ตนเองได้ลงมาติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ความตั้งใจเดิมวันนี้จะพาชาวบ้านไปที่กองปราบปราม และรัฐสภา แต่ สภ.นครไทย ได้จับกุมผู้ต้องหาในคดีแชร์ลูกโซ่ให้ จึงพากันมาคัดค้านประกันตัว คาดหวังให้ตำรวจทำการขยายผล ถึงคนที่เกี่ยวข้องและติดตามยึดอายัดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน เพราะว่าเรื่องนี้ชาวบ้านได้แจ้งความเอาไว้ประมาณ 3 ปีแล้ว ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลกทุกหน่วยงาน ส่วนราชการแต่ไม่คืบหน้านั้น แต่ล่าสุดมีการจับกุม จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ต้องมาจับตากันต่อว่ามันจะไปถึงไหน เงินความเสียหายที่มาแสดงตัวรวมประมาณ 1,400 คน 490 กว่าๆ ล้านบาท หรือประมาณ 500 ล้านบาท แต่ไม่มีใครออกมายอมรับว่าเงินหมุนเวียน 1,000 กว่าล้านบาท ซึ่งยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความ ประเมินความเสียหายยังไม่ได้ จากการตรวจสอบสมุด พบว่าทำบัญชีไม่เรียบร้อย หรือจงใจให้ไม่เรียบร้อย ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ายอดมีเท่าไหร่กันแน่ นอกจากนั้นยังมีการข่มขู่คุกคาม ผู้เสียหาย
จากการลงพื้นที่ที่ อ.นครไทย ก็ไปพบเจอว่าผู้เสียหายไม่ใช่คนรวย ชาวบ้านนำเงินที่มีเอาไปฝากก็เพราะหวังว่าจะได้ดอกเบี้ยปันผลกลับมา หากรู้ว่าฝากไปแล้วศูนย์ก็จะไม่มีใครนำเอาไปฝาก ส่วนราชการก็มีหน้าที่กำกับดูแล ถ้ารู้ว่ามีการะดมทุนแบบนี้ ทำไมเงียบกันหมดทั้งจังหวัด มันเกิดอะไรขึ้น แล้วใครเป็นเทวดาคุ้มครองแชร์ลูกโซ่วงนี้ เดี๋ยวจะเอาไปฟ้อง รองเต่า สอบสวนกลางด้วย แชร์ลูกโซ่ตั้งหลายร้อยล้านบาท มันต้องมีเทวดาแน่นอน
ด้าน นายไสว เจริญศรี นายอำเภอนครไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้อยู่ เพื่อเตรียมนำเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
ส่วนความเสียหายรวมประมาณ 500 ล้านบาท มี 10 ธนาคารหมู่บ้าน มีการคัดเลือกกรรมการธนาคารกันเองในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกัน มีลักษณะการดำเนินการที่คล้ายกัน ซึ่งทำกันมานานตั้งแต่ปี 2542 โดยนายกอบต. เป็นผู้ริเริ่ม
เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล ธนาคารที่ก่อตั้งขึ้นมาเป็นธนาคารที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หน่วยงานราชการไม่ได้เข้าไปกำกับดูแล มีการรวบรวมเงินนำมาฝากและปันผลกันเอง โดยไม่มีกฎหมายรองรับ เรื่องนี้ผู้เสียหายจะต้องไปดำเนินการฟ้องร้องกันเอง ทางด้านอำเภอนครไทย พร้อมที่จะเป็นผู้ประสานช่วยเหลือประชาชน ติดต่อกับกรรมการธนาคารหมู่บ้าน เพื่อนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหาย ในส่วนที่ธนาคารหมู่บ้านมีเงินขาดบัญชีไม่เยอะ คิดว่าน่าจะได้ช่วยบรรเทาปัญหาได้บางส่วน ส่วนผู้ที่กู้เงินไป อยากให้รีบนำเงินมาคืนธนาคารหมู่บ้านเพื่อที่จะได้นำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายคืนอื่นๆ ต่อไป
Advertisement
