กระชากหน้ากากเผยพฤติการณ์ หมอบุญ-พวก จงใจหลอกกลุ่มกระเป๋าหนักลงทุน 5 โครงการทิพย์
จากกรณีที่ศาลอนุมัติหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน กับพวกรวม 9 คน คดีในฉ้อโกงประชาชน-สมคบฯ ฟอกเงิน-พ.ร.บ.เช็ค รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาทนั้น
ทาง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. เปิดเผยข้อมูลทางคดีและพฤติการณ์ของขบวนการนี้ว่า ตั้งเดือนธันวาคม 2566 มีผู้เสียหายมาเเจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง 1 ราย จากนั้นปี 2567 ตลอดทั้งปี จนกระทั่งถึงเดือนพฤศจิกายน รวม 247 ราย ตามพรบ.เช็ค จากนั้น สน.ห้วยขวางจึงส่งเรื่องมายังกองบัญชาการตำนครบาลว่า มีความสลับซับซ้อน จึงได้เเต่งตั้ง คณะ บกน.1 เป็นพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบพฤติกรรม ของนายเเพทย์บุญ เเละ พวกมีการระดมทุน ชักชวนจากตัวแทน บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ว่าตนเป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ และ ครอบครัว
โดยมีการแจ้งว่า นำไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ 16,000 ล้านบาท ใน 5 โครงการ ประกอบไปด้วย
1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า 4,000 พันล้าน
2.โครงการเวลเนเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมเเม่น้ำเจ้าพระยา 4,000-5,000 ล้าน
3.สร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว 3 เเห่ง รวม 2 พันล้านบาท
4.เข้าร่วมลงทุนโรงพยาบาลในเวียดนาม 4,000-5,000 ล้านบาท
5.เมดิคอร์ อินเทเลเจนท์ บางละมุง ชลบุรี งบลงทุน 100 ล้าน
โดย 5 โครงการดังกล่าว หลังระดมทุนเรียนบร้อยเเล้ว ก็จะให้ผู้เชียวชาญ บริษัทไทยเมดิคอลกรุ๊ป จำกัด หรือ TMG ดูเเลโครงการทั้งหมดเนื่องจากมีการเชี่ยวชาญด้านการเเพทย์ เข้ามาบริหารต่อ ยังมีเเผนการนำเข้าบริษัทตลาดหลักทรัพย์ในปี 2567
เเต่พฤติกรรมในการหาเเหล่งเงินทุน ของหมอบุญ เเละ พวกกับมีลักษณะการไปกู้ยืมเงินกับเเหล่งเงินกู้ โดยมีภรรยา เเละ ลูก สาว ผู้ค้ำประกัน เซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกฉบับ มอบให้ผู้เสียหาย ในช่วงเเรกมีการชำระดอกเบี้ยในอัตราสูง ให้กับบางส่วนบางคน ต่อมาไม่มีการจ่ายเลย ทั้งเจ้าหน้าที่ยังพบว่า หลังจากได้เงิน ทุน 7,500 ล้าน พบว่าให้โบรกเกอร์ทยอยไปถอนเงินครั้งละเป็นร้อยล้าน โดยโบรกเกอร์จะได้ดอกเบี้ย เเละ เปอร์เซนต์เป็นค่าตอบเเทน ซึ่งการกระทำทั้งหมอบุญเเเละโบรกเกอร์ จะไปชักชวนผู้ร่วมลงทุน ที่เป็นนักเล่นหุ้น กระเป๋าหนัก โดยพบว่ามีผู้เสียหายจริง
ต่อมากองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้แต่งตั้งตั้ง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้น โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. เร่งดำเนินการโดยด่วน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง ผู้ที่เสียหายมากที่สุดที่ร่วมลงทุน มากที่สุดมากถึง 600-700 ล้าน เป็นนักธุรกิจที่หลงเชื่อว่าจะมีการลงทุนจริง รวมถึงบุคลากรทางเเพทย์ รวมทั้งหมด 247 คน ความเสียหาย 7,564 ล้านบาท ตั้งเเต่เดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนตุลาคม 2567
ส่วนเงินจำนวนดังกล่าวอยุ่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการนำไปใช้จ่ายในธุรกิจเครือข่ายโรงพยาบาลที่มีอยู่จริง 4-5 โรงพยาบาล จะต้องไปตรวจสอบ รวมถึงต้องไปตรวจสอบในช่วงที่มีการนำเข้าวัคซีนโควิด19 ว่าเงินดังกล่าวไปอยู่ที่ไหน
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า นายเเพทย์บุญ มีรถยนต์ 19 คัน พบว่าหายไป ส่วนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโฉนดที่ดิน พบมี 21 เเปลง พบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปยังคนในครอบครัว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่า ทรัพย์สินดังกล่าวได้มาในช่วงปี 2567 หรือไม่ สำหรับผู้ร่วมขบวนการ
โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับมี 9 ราย ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ นางสาวนลิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ
กลุ่ม 2 คือ นางสาวศิวิมล อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน
และ กลุ่มที่ 3 โบกเกอร์ คือ นางอัจจิมา อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน , นายภาคย์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ ผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน , นางภัทรานิษฐ์ อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน ผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน และ นายธนภูมิ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ซึ่งขณะนี้ตำรวจจับได้เเล้ว 6 ราย และได้มีการนำตัวส่งศาลอาญาฝากขังเรียบร้อยเเล้ว ส่วนอีก 2 คน คือภรรยาและลูกของหมอบุญ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อสู้คดี พร้อมปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น โดยอ้างว่าถูกปลอมลายเซ็น
Advertisement