วันที่ 2 ธ.ค. 67 ที่จ.อุดรธานี มีรายงานว่า มีเรื่องราวของผู้เป็นย่าตรอมใจ และทุกข์ใจหนัก เมื่อหลานสาววัย 3 ขวบ ถูกหลานชายวัย12ขวบของหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของที่อบต.แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.พิบูลย์รักษ์ ทำมิดีมิร้าย โดยอาศัยจังหวะที่ไปเล่นกับลุงที่เป็นหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทำอนาจารกับเด็กหญิงวัย 3 ขวบ จนเด็กร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน
ผู้เป็นย่าสงสัยเห็นหลานสาวร้องไห้ฟูมฟายหนักมาก จึงสอบถามจนรู้ว่าหลานสาววัย 3 ขวบ ถูกหลานชายอายุ 12 ปีของหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กพยายามเอาอวัยวะเพศยัดใส่อวัยวะเพศของหลานสาว พอเป็นเรื่อง ทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอ้างว่าหลานชายไม่ได้ทำ แต่อยากให้เรื่องมันจบ จึงขอจ่าย 1 แสนบาท แต่ทางย่าไม่ยอม จากนั้นโดนอีกฝ่ายข่มขู่จะฟ้องหากเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางวิภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ย่าของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ นำหลักฐานใบแจ้งความ ตำรวจสภ.พิบูลย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ช.ต้นกล้า (นามสมมติ) อายุ 12 ปี หลานชายของหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก พร้อมกับคลิปวิดีโอหลักฐานที่ผู้เป็นย่ารู้ว่าหลานสาววัย 3 ขวบถูกกระทำอนาจาร เพราะหลานร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน ในคลิปจะได้ยินเสียงของ ด.ญ.เอ วัย 3 ขวบร้องไห้ฟูมฟายตลอดเวลาบอกว่า หนูไม่อยากไปโรงเรียน บอกว่าที่โรงเรียนมีคุณโจร เอาหัวหอม และหนอนตัวใหญ่ยัดใส่อวัยวะเพศ
นางวิภาย่าของ ด.ญ.เอ บอกว่า เรื่องราวที่หลานสาวถูกทำมิดีมิร้าย เกิดขึ้นช่วงประมาณวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา หลานสาวเจ็บอวัยวะเพศ และฉี่บ่อยจึงพาไปหาหมอ หมอก็บอกว่ายายทำไมไม่ถามหลานสาวหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาว เพราะปกติเด็กรุ่นนี้ไม่มีโรคแบบนี้ พอกลับจากหาหมอตนเองก็ถามหลานสาว ทางหลานสาวจึงบอกว่า หลายหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเอาหัวหอมและตัวหนอน ซึ่งก็คืออวัยวะเพศชาย ทางย่าได้ยินก็ตกใจแทบช็อก พอไปปรึกษาหมอหมอก็บอกว่าควรแจ้งความ เพราะหลานติดเชื้อ และต้องส่งตัวไป รพ.ศูนย์อุดรธานี เนื่องจากอวัยวะอักเสบ
ต่อมาหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เดินทางมาพูดคุย และไกล่เกลี่ยด้วย ขอจ่ายเงิน 100,0000 บาท และมีเจ้าหน้าที่ อบต.มาด้วย แต่ตนเองไม่ยอม และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่หลังจากมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันไม่ลงตัว พร้อมข่มขู่จะฟ้องรายตัวเรียกค่าเสียหายเอาเงินล้าน และมีการโพสต์ลงเฟซบุ๊กข่มขู่ฟ้องตลอดเลย
ย่าของด.ญ.เอ กล่าวต่อว่า ทางอบต.พยายามให้ไปพูดที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน แต่ตนเองไม่ยอมไป ตอนนี้ดำเนินคดีขั้นตอน ทางตำรวจเตรียมส่งฟ้องอัยการแล้ว เราห่วงหลานสาวจะไม่ได้รับความยุติธรรม พูดตรงๆ อยากให้ความเป็นธรรมกับหลานสาวด้วย เด็กตัวแค่นี้ไปโรงเรียน แต่ไม่มีความปลอดภัย ตอนนี้ไม่ให้หลานสาวไปโรงเรียนแล้ว สงสารหลานมาก เห็นหลานสาวพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังเรา เอาหลานสาวไปโรงเรียนก็คิดว่าปลอดภัย แต่มาแบบนี้จิตตกมาก ยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หากเขาจะรับผิดชอบคงพูดแต่ตอนแรกแล้ว ที่รู้มาคือหลานชายหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทำมาหลายครั้งแล้ว หลังพ่อของหลานสาวรู้ข่าวขับรถมาจากโคราชมาหาลูก ร้องไห้ตลอดเวลา หัวอกคนเป็นย่าน้ำตาไหลตลอดเวลา พร้อมกับปาดน้ำตา
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายครูเดช หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งนึ่ง บอกว่า ปกติหลานชายคือน้องต้นกล้า อายุ 12 ขวบ จะมาเล่นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประจำ แต่ยืนยันหลานชายไม่ได้ทำแน่นอน เพราะที่ช่วงเกิดเหตุหลานชายไม่ได้อยู่ที่อบต. ไปอยู่บ้านยายที่ ต.สามพร้าว ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 67 ส่วนวันที่ 24 ต.ค.ที่ทางฝ่ายย่าของ ด.ญ.เออ้างว่ากระทำอนาจาร เขาไม่ได้อยู่แน่นอน ตนเองก็ถามหลานชายแล้วเขาก็บอกว่าไม่ได้ทำ ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ว่ากันไป ส่วนที่ตนเองไปพูดคุยขอจ่าย 100,000 บาท เพราะไม่อยากมีเรื่องมีราว อยากให้เรื่องมันจบ แม้หลานชายจะไม่ได้ทำเลย ขอจ่าย 1 แสนบาท แต่ย่าเรียก 3 แสนบาทเลยตกลงกันไม่ได้
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ พบว่า ที่ศูนย์แห่งนี้มีครู 3 คน เด็กประมาณ 20 กว่าคน ตรวจสอบรอบๆ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่มีกล้องวงจรปิด แต่อย่างใด
ด้านนายจรูญ เดชโยธา นายกอบต.ดอนกลอย เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนเองทราบเรื่องแล้ว และไม่ได้ปกป้องครูเดช ตอนนี้ให้ย้ายจากหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมาประจำที่อบต.ดอนกลอย และตั้งคณะกรรมการฯสอบเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อความสบายของทุกฝ่าย แต่เท่าที่ทราบจากครูเดช หลานชายของครูเดชไม่ได้มาที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. จะเกิดเหตุได้อย่างไร ตอนนี้อยู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ขอให้เป็นกระบวนการยุติธรรมแล้วกัน แต่อย่างไรแล้วเพื่อความสบายใจของผู้ปกครองทุกท่านที่เอาเด็กๆ ไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตนเองได้ตั้งงบประมาณ เพื่อเตรียมติดตั้งวงจรปิดภายในเดือน ธ.ค.นี้
Advertisement