วันที่ 13 ธ.ค. 67 เฟซบุ๊กเพจ “หมอแล็บแพนด้า” โพสต์ข้อความระบุว่า “บางคนยังไม่ค่อยคุ้นชื่อมันซักเท่าไหร่ ก็เลยนึกว่าเป็นเชื้อตัวใหม่ แต่ ‘โนโรไวรัส’ มันมีมานานแล้วครับ ระบาดเป็นประจำช่วงฤดูนี้แหละ บางคนเข้าใจผิดว่าอาหารเป็นพิษเป็นหมู่คณะ แต่ไม่ใช่! มันเกิดจากเชื้อนี้นี่เอง ปีที่แล้วยังระบาดที่ภูเก็ตจน รพ.เตียงเต็มเลย”
“สำหรับเจ้าโนโรไวรัส (Norovirus) ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วครับ ว่ามันเป็นไวรัส ทำให้เกิดโรคในทางเดินอาหาร มันอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อมได้นานถึง 2 สัปดาห์ แพร่ระบาดได้ง่ายในช่วงหน้าฝน และหน้าหนาว”
“เชื้อนี้ติดต่อจากการกินอาหาร น้ำดื่ม หรือน้ำแข็งที่มีการปนเปื้อนเชื้อ นอกจากนี้ยังติดต่อจากการหายใจเอาละอองฝอยของเชื้อเข้าไป หรือเอามือไปสัมผัสเชื้อตามพื้นผิวต่างๆ แล้วหยิบอาหารเข้าปาก ติดต่อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุและเด็กเล็กอาจจะมีอาการรุนแรงได้นะครับ”
“พอเรารับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ประมาณ 12 - 48 ชั่วโมง เราจะเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำ ปวดท้อง และอาจมีไข้ ปวดหัว เพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1 - 3 วัน”
“ยังไม่มีวัคซีนสำหรับเชื้อนี้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมป้องกันด้วยการยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ถ้าเก็บไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง เอานำมาอุ่นร้อนก่อนกินนะครับ และอย่าลืมล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ ทำความสะอาดพื้นผิวและของเล่นต่างๆ เพราะมันอาจปนเปื้อนสารคัดหลั่ง ละอองจากการอาเจียน หรืออุจจาระ”
“เนื่องจากไม่มียา ก็รักษาตามอาการเอา ถ้าอาการท้องเสียไม่หนักมาก ให้จิบน้ำผสมเกลือแร่ (ORS) บ่อยๆ ถ้าแต่อาการไม่ดีขึ้น อาเจียนมากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีนะครับ”
Advertisement