จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์ภาพชายหญิงคู่หนึ่ง พร้อมกับภาพพระสงฆ์มีสีกานั่งอยู่พื้นที่ที่ทั้งสองภาพมีหน้าตาคล้ายกัน พร้อมข้อความระบุว่า “เจ้าอาวาสวัดนึงใน จ.ขอนแก่น กลางวันอยู่วัดกลางคืนควงสาวเข้ารีสอร์ต”
ภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบดำเนินการตามวินัยสงฆ์ เรื่องดังกล่าวกลายเป็นเหตุการณ์วิพากษ์วิจารณ์ออกไปเป็นจำนวนมากรับวันพระใหญ่มาฆบูชา
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พบผู้นำชุมชนและชาวบ้านนั่งพูดคุยกันถึงภาพดังกล่าวที่ปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้ และต่อมามีนายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ พร้อมด้วยปลัดป้องกันอำเภอบ้านไผ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 และหมู่ 12 ลงพื้นที่มาตรวจสอบ ภายหลังจากมีภาพปรากฏ
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าที่กุฎิเจ้าอาวาสล็อกกุญแจจากด้านนอก ปิดประตูหน้าต่างมิดชิดทุกบาน และจากการส่องสำรวจภายในกุฎิตรงบานเกร็ดหน้าต่างที่มีการเปิดออกพบว่า ภายในกุฎิสภาพรกมีข้าวของวางกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น และมีเต็นท์เดี่ยวอยู่หนึ่งหลัง ซึ่งทางไวยาวัจกรวัดให้ข้อมูลว่า เจ้าอาวาสไม่ชอบทำความสะอาด และเวลาจำวัดจะอยู่ภายในเต็นท์เดี่ยวหลังนี้ นอกจากนี้ยังทราบว่าเจ้าอาวาสได้ขับรถกระบะส่วนตัวออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อคืนกลางดึกที่ผ่านมา ขณะที่ชาวบ้านและผู้นำชุมชนนอนเฝ้าข้าว เพื่อที่จะจัดงานบุญกุ้มข้าวภายในวัด จนกระทั่งช่วงเช้า ซึ่งเจ้าอาวาสจะต้องมาเป็นผู้นำสวดมนต์ แต่ก็ไม่กลับมาแต่อย่างใด
นายบุญจันทร์ สุทธิ อายุ 78 ปี ไวยาวัจกรวัดจำปา เปิดเผยว่า ก่อนที่เจ้าอาวาสจะหายตัวออกจากวัดไปนั้น ตนพร้อมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านได้เตรียมจัดงานบุญกุ้มข้าว พร้อมทั้งได้นอนเฝ้าข้าวอยู่ภายในวัด ช่วงประมาณเที่ยงคืนเจ้าอาวาสได้ขับรถกระบะสีขาวส่วนตัวออกจากวัดไป โดยที่ไม่ได้บอกกับใครว่าไปทำอะไร กระทั่งช่วงเช้า ซึ่งเจ้าอาวาสจะต้องมาเป็นผู้นำสวด เนื่องในวันมาฆบูชา โดยมีญาติโยมมาทำบุญแน่นวัด ซึ่งขณะนั้นตนเองกำลังจัดเตรียมงานอยู่ภายในวัดได้ยินเสียงชาวบ้านเฮร้องขึ้น แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบว่าคืออะไร ยังคงจัดเตรียมงานต่อไป
โดยมาทราบภายหลังว่า ชาวบ้านกำลังดูรูปภาพที่มีการเผยแพร่ในโซเชียล เป็นภาพเจ้าอาวาสกับผู้หญิงถ่ายรูปคู่กัน พอสักพักเจ้าอาวาสไม่กลับมาที่วัด ตนเองจึงโทรศัพท์ไปหา เจ้าอาวาสบอกว่า หนี ถ้าอยู่ก็จะโวยวาย เพราะมีอาจารย์โทรมาบอกเมื่อคืนว่าให้หลบหนีไปก่อน เพราะตอนเช้าจะมีเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงให้หลบไปก่อน ตอนนี้หลบมาอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าผู้หญิงในภาพเป็นคน อ.ชนบททำงานที่ อบต. เป็นลูกผู้ใหญ่บ้าน จะเอาเรื่องคนที่ตัดต่อภาพนี้ออกมา และเจ้าอาวาสเองก็บอกจะเอาเรื่องด้วยเหมือนกันกับคนที่ตัดต่อภาพนี้เผยแพร่ออกมา สร้างความเสียหาย และสุดท้ายบอกกับตนเองว่าจะกลับมาตอนที่เคลียร์เรื่องนี้กับเจ้าคณะจังหวัด กรมศาสนา สำนักพุทธเรียบร้อย แล้วจะกลับมา ให้ใจเย็นๆไว้ อย่าตื่นเต้นเดือดร้อนเจ้าอาวาสจะจัดการเองก่อนจะวางสายไป
ไวยาวัจกร บอกอีกว่า ในวัดเจ้าอาวาสไม่เคยมีเรื่องผู้หญิง เจ้าอาวาสเป็นพระนักเทศน์ จะออกไปเทศน์ข้างนอกตลอด ปีละ 200-300 งาน มีคนมาขับพาไป มีขับไปเองบ้าง ไปอำเภอไปทำธุระซ่อมเครื่องเสียง ซ่อมตู้ลำโพง รวมทั้งทำตู้ลำโพงขายในเวลาว่างข้างๆ กุฏิ โดยจะมีคนมารับเอาที่วัด และที่ผ่านมาเจ้าอาวาสเป็นพระนักเทศน์นักปฎิบัติจนได้รับพัดยศ เป็นพระครู เมื่อเดือน ก.ค. ปี 62 ซึ่งเวลาที่อยู่ในวัดก็ปฎิบัติธรรมเทศนาตามปกติ แต่เวลาออกไปข้างนอก เราก็ไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสจะไปทำกับใครที่ไหนบ้าง
ด้านนายสุทธิพงศ์ พลชามาตร์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.12 กล่าวว่า ตนเองในฐานะผู้ใหญ่บ้านหลังมีเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกมาก็ได้ทำการตรวจสอบ เบื้องต้นการตรวจสอบนั้นก็ยังไม่สามารถชี้ชัดฟันธงได้ทีเดียวว่าเป็นเจ้าอาวาสกับสีกาทำเรื่องเสื่อมเสีย เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนแต่ในมุมมองเบื้องต้นก็พบว่า ในภาพเหมือนจะเป็นเจ้าอาวาส
ที่ผ่านมาเจ้าอาวาสรูปนี้อยู่ที่วัดมากกว่า 20 ปีแล้วและเป็นพระนักเทศน์ ซึ่งก็เป็นปกติของพระนักเทศน์ที่จะเดินสายไปเทศน์ตามที่ต่างๆ และจะมีคนขับรถให้เจ้าอาวาสแต่ช่วงหลังเจ้าอาวาสมักจะขับรถยนต์ไปคนเดียว ซึ่งเราก็จะไม่ทราบว่าท่านไปไหน หรือไปทำอะไร หรือไปเทศน์ที่ไหนอย่างไร แต่เมื่อช่วง 8 ปีก่อนเคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงในภาพกับเจ้าอาวาสมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นทางเจ้าอาวาสบอกว่าเป็นญาติกัน และก็เงียบไปจึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ล่าสุดนี้
ขณะที่นายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบว่า เบื้องต้นนั้นลงพื้นที่มาตรวจสอบไม่พบตัวเจ้าอาวาสคาดว่าจะรู้ตัว และหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวนั้นเชื่อได้ว่าจะเป็นจริง เพราะหลังจากมีภาพดังกล่าวหลุดออกมา ทางเจ้าอาวาสก็ได้ออกจากวัดไปทันที หลังจากนี้ก็จะส่งเรื่องประสานไปทางเจ้าคณะอำเภอให้ทราบ เพื่อให้ดำเนินการตามวินัยของสงฆ์ต่อไป
โดยในส่วนของฝ่ายปกครองนั้นไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อทราบเหตุก็ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีความเป็นห่วงในเรื่องของศรัทธาจากชาวบ้านกับพระพุทธศาสนา เชื่อว่าหากเจ้าอาวาสกลับมาชาวบ้านก็คงไม่ต้องการให้อยู่ที่วัดแล้ว ซึ่งก็ต้องเป็นในส่วนของทางคณะสงฆ์เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
Advertisement