5 มีนาคม วันนักข่าว ย้อนชีวิต "อิศรา อมันตกุล" นักบุญวงการสื่อ ต้นแบบรางวัลนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
รางวัลอิศรา อมันตกุล เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคนหนังสือพิมพ์ ซึ่งมอบให้กับผลงานข่าวและผลงานภาพข่าวยอดเยี่ยมของหนังสือพิมพ์ในแต่ละรอบปี โดยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2512 สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย และสมาคมหนังข่าวแห่งประเทศไทย นัดประชุมกันและมีมติให้จัดตั้ง “มูลนิธิ อิศรา อมันตกุล” โดยมีภารกิจสำคัญคือ การประกาศมอบรางวัลข่าวยอดเยี่ยมจากสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ และประเภทภาพข่าวยอดเยี่ยมจากสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ และชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อมได้จัดการประกวดรางวัลข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดีเด่น เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นเกียรติแก่นายอิศรา อมันตกุล อดีตนักหนังสือพิมพ์และนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรกผู้ล่วงลับ
นายอิศรา อมันตกุล (นามเดิม อิบรอฮีม อะมัน) เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 10 คน ของมูฮัมหมัดซาเลย์ อะมัน กับวัน อมรทัต ครอบครัวเป็นชาวมุสลิมเชื้อสายอินเดีย สำเร็จชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนบำรุงวิทยา จังหวัดนครปฐม และสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ในปี พ.ศ. 2472 โดยมีคะแนนในวิชาภาษาอังกฤษสูงสุดของประเทศ และสอบได้คะแนนเป็นอันดับที่ 1 ของนักเรียนทั่วประเทศในรุ่นนั้น ต่อมาได้ไปทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ร่วมกับคณะมิชชันนารี ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 2 ปี จากนั้น ได้เดินทางไปยังประเทศใกล้เคียงอยู่ระยะหนึ่ง จึงเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานคร
อิศราสมรสกับสุพัณณา อมันตกุล (นามเดิม สเริงรมย์ บุนนาค พ.ศ. 2465 – 20 สิงหาคม 2557) ธิดาของพลโท พระยาสีหราชเดโชชัย (สวาสดิ์ บุนนาค) กับคุณหญิงสุนีย์สาย บุนนาค (สกุลเดิม อมาตยกุล) ซึ่งเป็นนักแปลบทภาพยนตร์และพระคัมภีร์แก่คณะเยสุอิตที่บ้านเซเวียร์ แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน
หลังออกจากโรงเรียนช่วงมัธยมศึกษา อิศรา อมันตกุล ไปทำงานห้างฝรั่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเกิดความรู้สึกเบื่อจึงลงอยู่ปักษ์ใต้ แม่เห็นทำตัวเสเพลไปวันๆ กลัวว่าจะกลายเป็นโจรจึงเรียกตัวกลับ เดินเตะฝุ่นหาวานอยู่นานก็ไม่ได้เสียทีจึงลองเขียนหนังสือ โดยเรื่องที่เขียนนั้นเกี่ยวกับการเมืองสุ่มเสี่ยงจะติดคุกติดตะราง เมื่อนำไปปรึกษาครูอบ ไชยวสุ นามปากกา "ฮิว เมอริสต์" ที่มห้ความเคารพ ท่านก็เมตตาให้เขียนลงในหนังสือพิมพ์และรับเข้าทำงานจึงได้เริ่มต้นเข้าสู่วงการนี้
อิศรา อมันตกุล เริ่มต้นการเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่หนังสือพิมพ์สุภาพบุรุษ ประชามิตร ร่วมกับ กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ "ศรีบูรพา" และ มาลัย ชูพินิจ หรือ "แม่อนงค์" และได้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์สุวัณณภูมิ ร่วมกับ ทองเติม เสมรสุต, วิน บุญอธึก, สว่างวงศ์ กรีบุตร, เสนีย์ เสาวพงศ์ และวิตต์ สุทธเสถียร โดยภายหลังได้ย้ายไปทำงานในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับ เช่น หนังสือพิมพ์บางกอกรายวัน, หนังสือพิมพ์เอกราช, หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์ เขาทำได้ทุกอย่างทั้งพาดหัวจัดหน้า แปลข่าว เขียนปก เขียนหัวหนังสือ เรียกว่าถ้าโยนหนังสือพิมพ์เขาทำคนเดียวทั้งฉบับ เขาก็ทำออกมาได้ด้วยมือตัวเองทั้งฉบับเหมือนกัน
เขามีความยอดเยี่ยมในการใช้ภาษาอังกฤษ จึงมักเสนอความคิดทางการเมืองในรูปแบบงานประพันธ์และวรรณกรรมโดยใช้นามปากกา "แฟรงค์ ฟรีแมน" โดยมีผลงานเด่น เช่น เขาตะโกนหานายกรัฐมนตรี, นาถยา สถาพร ผู้กลับมา, ข้าจะไม่แพ้ ฯลฯ โดยส่วนใหญ่เขาจะจัดหน้า และทำภาพประกอบเอง ได้รับความชื่นชอบชื่นชมจากนักอ่านจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ กระทำรัฐประหารเป็นครั้งที่ 2 จากจอมพล ถนอม กิตติขจร หลังจากนั้นเพียง 1 วัน (21 ตุลาคม พ.ศ. 2501) หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ถูกปิด นายอิศรา ในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์ รวมถึงบรรณาธิการ และนักหนังสือพิมพ์อีกหลายคน ถูกจับด้วยข้อหา มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ โดยถูกคุมขัง เป็นเวลานานถึง 5 ปี 10 เดือน ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2507 โดยไม่มีการส่งฟ้องศาล หลังจากนั้นเขาเข้ารับตำแหน่ง ผู้ช่วยหัวหน้ากองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ในปัจจุบัน) จนกระทั่งถึงแก่กรรม
อิศรา อมันตกุล ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน (พ.ศ. 2499, พ.ศ. 2500 และ พ.ศ. 2501) และยังเป็นผู้ริเริ่มเปลี่ยนแปลงการจัดหน้าหนังสือพิมพ์ จากหน้าละ 7 คอลัมน์ เป็น 8 คอลัมน์ อีกด้วย ซึ่งการที่หนังสือพิมพ์ได้ "คอลัมน์เพิ่ม" ขึ้นมาเช่นนี้ทำให้มีที่สำหรับลงโฆษณามากขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้น สื่อสิ่งพิมพ์ก็อยู่รอดมากขึ้นตามไปด้วย
เขาถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2512 เวลา 15.15 น. ด้วยโรคมะเร็งที่ลิ้น หลังจากพักรักษาตัว ณ ตึกจงกลณี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นเวลาเกือบ 10 เดือน โดยฝังศพที่สุสานมัสยิดนูรุ้ลมูบีน (บ้านสมเด็จ) สี่แยกบ้านแขก
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เขียนบทความยกย่อง อิศรา อมันตกุล ว่าเขาคือ "เพชรเม็ดงามของวงการหนังสือพิมพ์" เขาเป็นชายใจพระ ชายใจเพชร ชายชาตรีในวงการหนังสือพิมพ์ เป็นนักหนังสือพิมพ์อาวุโสผู้ต่อสู้เพื่อผู้อ่อนแอและถูกกดขี่ เป็นผู้มีจริยธรรมอยู่บนปลายปากกา และเป็นเบ้าหลอมอันประเสริฐของคนหนังสือพิมพ์
อิศรา อมันตกุล แม้เขาจะจากไปนานแล้ว แต่ความดีของเขายังอยู่ในความคิดคำนึงของมิตรสหาย แบบอย่างในการดำเนินชีวิตของเขา คือดวงประทีปแห่งจริยธรรมของคนหนังสือพิมพ์รุ่นหลังอย่างแท้จริง
Advertisement