Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
มีรายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี  อินฟลูยูทูบเบอร์เสียภาษีอย่างไร ?

มีรายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี อินฟลูยูทูบเบอร์เสียภาษีอย่างไร ?

17 มี.ค. 68
17:15 น.
|
257
แชร์

เปิดรายได้ขั้นต่ำที่ต้องยื่นภาษี เงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสีย "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" อินฟลูยูทูบเบอร์เสียภาษีอย่างไร ?

แม้การเสียภาษีจะเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน แต่หลายคนยังอาจสงสัยว่า "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ที่เราต้องยื่นต่อกรมสรรพากรทุก ๆ ปี ตามกฎหมาย จะยื่นได้ต่อเมื่อเรามีรายได้เท่าไหร่ เพราะบางคนแม้จะมีอาชีพมีงานประจำทำแล้ว แต่ได้รับการยกเว้นชำระ "ไม่ต้องเสียภาษี"

ผู้มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างปีภาษีมีหน้าที่ต้องยื่นแบบฯ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทุกกรณีหรือไม่ ?

ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างปีภาษีจะมีหน้าที่ต้องยื่นแบบฯ ก็ต่อเมื่อมีเงินได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าเมื่อคำนวณภาษีแล้วจะมีภาษีต้องชำระเพิ่มเติมหรือไม่ก็ตาม ดังนี้

เกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่ำที่ผู้มีเงินได้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี

บุคคลธรรมดา ที่มีเงินได้พึงประเมิน แยกเป็นคนโสด และที่สมรสแล้ว

สำหรับคนโสด ที่มีรายได้ต่อเดือน 10,000 บาท ขึ้นไป หรือรายได้ทั้ปี 120,000 บาท

เงินได้ประเภทอื่นต่อเดือน 5,000 บาท หรือเงินได้ประเภทอื่นทั้งรวม 60,000 บาท

สำหรับคนที่สมรสแล้ว ที่มีรายได้ต่อเดือน 18,000 บาท ขึ้นไป หรือรายได้ทั้ปี 220,000 บาท

เงินได้ประเภทอื่นต่อเดือน 10,000 บาท หรือเงินได้ประเภทอื่นทั้งรวม 120,000 บาท

หลักการคำนวณภาษี ง่าย ๆ คือ ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี

เงินได้สุทธิ ก็คือการนำรายได้ทั้งหมดมาบวกกัน พร้อมหาค่าลดหย่อนต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนต่าง ๆ นำมาหักออกจากรายได้ทั้งหมด เหลือเท่าไหร่ คือเงินได้สุทธิที่จะนำไปคำนวณภาษีแบบขั้นบันได เงินได้สุทธิ = เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน

เมื่อมีเงินได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องทำอะไรบ้าง ?

1. ขอมีเลข และบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีเงินได้เกิดขึ้น กรณีเป็นผู้มีเงินได้ ที่ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ได้แก่ เป็นคนต่างด้าว หรือกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง เว้นแต่ ผู้มีเงินได้ ที่มีเลขประจำตัวประชาชน สามารถใช้ เลขประจำตัวประชาชน แทนเลขประจำตัว ผู้เสียภาษีอากรได้ โดยไม่ต้องขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรอีก สำหรับผู้มีเงินได้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร อาจยื่นคำร้อง ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ทั้ง 30 แห่ง หรือ สำนักสรรพากรพื้นที่ สาขา (อำเภอ) ทุกแห่ง สำหรับในต่างจังหวัด ให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานสรรพากร พื้นที่ (จังหวัด) และสำนักงานสรรพากร พื้นที่สาขา (อำเภอ) ทุกแห่ง แล้วแต่กรณี

2. ยื่นแบบแสดงรายการ ปกติยื่นปีละ 1 ครั้ง เงินได้ของปีใด ก็ยื่นแบบฯ ภายใน วันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป เว้นแต่ เงินได้บางลักษณะ เช่น การให้เช่า ทรัพย์สิน เงินได้จาก วิชาชีพอิสระ เงินได้จาก การรับเหมา เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ เป็นต้น จะต้อง ยื่นแบบฯ ตอนกลางปี สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นใน 6 เดือนแรก ภายในเดือนกันยายนของทุกปี

ประเภทเงินรายได้ที่ต้องเสียภาษี ?

เนื่องจากผู้มีเงินได้ประกอบอาชีพแตกต่างกัน มีความยากง่ายหรือต้นทุนที่แตกต่างกัน เพื่อความเป็นธรรม ในกฎหมายจึงได้แบ่งลักษณะเงินได้ (พึงประเมิน) ออกเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม เพื่อกำหนดวิธีคำนวณภาษีให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด ดังนี้

1. เงินได้ประเภทที่ 1 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็น

- เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ

- เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้าง

- เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ซึ่งนายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า

- เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ

- เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น มูลค่าของการได้รับประทานอาหาร เป็นต้น

2. เงินได้ประเภทที่ 2 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็น

- ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด

- เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส

- เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับเนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้

- เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า

- เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ

- เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือ จากการรับทำงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว

3. เงินได้ประเภทที่ 3 ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะ เป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล

4. เงินได้ประเภทที่ 4 ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ เป็นต้น

(ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ไม่ว่าจะมี หลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอน กับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นผู้ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม

(ข) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายไทยให้จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะสำหรับให้กู้ยืมเงิน ฯลฯ

(ค) เงินโบนัสที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

(ง) เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกัน

(จ) เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งจากกำไรที่ได้มาหรือรับช่วงกันไว้รวมกัน

(ฉ) ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันหรือรับช่วงกันหรือ เลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน

(ช) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วนหรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วเงิน หรือ ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้เฉพาะซึ่งตีราคา เป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน

เงินได้ประเภทที่ 4 ในหลาย ๆ กรณี กฎหมายให้สิทธิที่จะเลือกเสียภาษีโดยวิธีหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนการนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตามหลักทั่วไป ซึ่งจะทำให้ผู้มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามบัญชีอัตราภาษี ในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษี หัก ณ ที่จ่าย สามารถประหยัดภาษีได้

5. เงินได้ประเภทที่ 5 เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้เนื่องจาก

- การให้เช่าทรัพย์สิน

- การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน

- การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว

6. เงินได้ประเภทที่ 6 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลป วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้

7. เงินได้ประเภทที่ 7 ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ ในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ

8. เงินได้ประเภทที่ 8 ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 7 แล้ว

ทั้งนี้ กรณีสามีมีเงินได้ประเภทที่ 1 จำนวน 200,000 บาท ภริยามีเงินได้ประเภทที่ 1 จำนวน 100,000 บาท ในปีภาษี ถ้าสามีภริยานำเงินได้รวมคำนวณเสียภาษีในชื่อของสามี เงินได้ทั้งหมด 300,000 บาท จะหักค่าใช้จ่ายได้ 100,000 บาท (เงินได้สามีหักค่าใช้จ่ายได้ 60,000 บาท เงินได้ภริยาหักค่าใช้จ่ายได้ 40,000 บาท) อนึ่ง กรณีนี้แม้ว่าภริยาจะเลือกเสียภาษี โดยแยกเงินได้ประเภทที่ 1 ไปเสียภาษีในชื่อของภริยา การหัก ค่าใช้จ่ายก็ยังคงหักได้ในจำนวนเท่ากับกรณีรวมคำนวณคือ เงินได้ของสามี 200,000 บาท หักค่าใช้จ่ายได้ 60,000 บาท ส่วนเงินได้ของภริยา 100,000 บาท หักค่าใช้จ่ายได้ 40,000 บาท

หากในกรณีภริยามีเงินได้ประเภทที่ 1 และ 2 โดยที่แหล่งเงินได้มิใช่แหล่งเดียวกันเฉพาะ เงินได้ประเภทที่ 1 เท่านั้น ที่ภริยาสามารถนำไปแยกคำนวณเสียภาษีในชื่อของตนเองต่างหากจากเงินได้สามี ส่วนเงินได้ประเภทที่ 2 ต้องนำไปรวมคำนวณเสียภาษีในชื่อของสามีกรณีเช่นนี้ การหักค่าใช้จ่ายของเงินได้ 2 ประเภทดังกล่าว ต้องเฉลี่ยหักตามส่วน

และหากในกรณีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 และ 2 เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุ ออกจากงาน โดยคำนวณจ่ายจากระยะเวลาที่ทำงาน ทั้งนี้ไม่ว่าเงินที่จ่ายนั้นจะจ่ายจากเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญหรือเงินอื่นใด ผู้มีเงินได้อาจเลือกเสียภาษีโดยรวมคำนวณกับเงินได้ประเภทที่ 1 คือ ให้คำนวณรวมกับเงินเดือนแล้วหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 40 ของเงินได้พึงประเมิน แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท หรือเลือกคำนวณตามมาตรา 48 (5) แห่งประมวลรัษฎากรแล้วให้นำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตามหลักทั่วไปก็ได้ ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดภาษีได้

อินฟลูเอนเซอร์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่มีเงินได้ จะต้องเสียภาษีอย่างไร ?

กรมสรรพากร ระบุว่า ในปีนี้กฎหมายกำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ มีหน้าที่ส่งข้อมูลรายได้ที่ได้รับจากการประกอบกิจการ และข้อมูลพ่อค้าแม่ค้าที่จ่ายค่านายหน้า หรือค่าบริการให้กับแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้กรมสรรพากรทราบข้อมูลแหล่งเงินได้ของผู้ประกอบการขายสินค้าออนไลน์อย่างครบถ้วน ซึ่งหากไม่ยื่นแบบฯ ภายในกำหนดเวลา หรือยื่นแบบฯ ไม่ครบถ้วน ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องชำระเงินภาษีพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน รวมทั้งค่าปรับอาญาด้วย

หากใครที่กำลังก้าวเข้าวงการอินฟลูเอนเซอร์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือนักรีวิวสินค้า ซึ่งมีรายได้เข้ามาหลากหลายช่องทาง หากมีเงินได้คุณต้องมีหน้าที่เสียภาษี เช่น จากการรีวิวสินค้า ค่าตัวเมื่อไปโชว์ตัว ส่วนแบ่งค่าโฆษณา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีรายจ่ายที่ต้องนำเข้ามาประเมินร่วมในการเสียภาษีว่าต้องยื่นภาษีมาตราไหน ตามมาตรา 40 (1) - (8) ซึ่งสามารถแบ่งเป็นรายได้และรายจ่ายที่ต้องนำมาประเมินได้ดังนี้

1. อินฟลูเอนเซอร์ทำคนเดียว ไม่มีสำนักงาน และไม่มีลูกจ้างหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) ซึ่งเข้าลักษณะเป็นเงินที่ได้รับทำงานให้ทั้งแบบประจำหรือแบบชั่วคราว โดยเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2 หรือมาตรา 40 (2) สามารถยื่นแบบฯ ภาษี โดยคำนวณหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ไม่เกิน 100,000 บาท

2. อินฟลูเอนเซอร์มีรายได้ โดยมีรายจ่ายเป็นจำนวนมาก อย่างเช่นรายจ่าจากการจ้างช่างภาพ ช่างออกแบบเครื่องแต่งหาย ช่างแต่งหน้าทำผม ช่างไฟ รวมถึงค่าเช่าสถานที่เพื่อรีวิวสินค้า ลักษณะนี้จะถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 หรือมาตรา 40 (8) สามารถยื่นแบบเพื่อคำนวณภาษี โดยหักค่าใช้จ่ายได้ตามที่จ่ายจริง ซึ่งต้องมีหลักฐานรายจ่ายเก็บไว้เพื่อแสดงตอนยื่นภาษีให้ครบด้วย

สรุปแล้วภาษีที่อินฟลูเอนเซอร์จะต้องเสียภาษี กรณีเป็นคนโสดที่มีรายได้ประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ "เงินเดือน" หากมีรายได้เกิน 60,000 บาท หรือกรณีมีคู่สมรสมีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี จะต้องมีหน้าที่ยื่นแบบฯ แต่ "ไม่ต้องเสียภาษี"

อินฟลูเอนเซอร์ จึงจำเป็นต้องแยกประเภทของรายได้ที่ได้รับให้ถูกประเภท เพื่อให้สามารถนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลสะดวกยิ่งขึ้น จะได้ไม่ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เพราะความไม่รู้นั่นเอง

Advertisement

แชร์
มีรายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี  อินฟลูยูทูบเบอร์เสียภาษีอย่างไร ?