วันที่ 27 เม.ย.68 หน่วยกู้ชีพอบต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ นำตัวนางไน อายุ 69 ปี และนายสมจิตร อายุ 45 ปี สองแม่ลูก ชาวบ้านสองห้อง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบบาลบ้านด่านในสภาพตามลำตัวเต็มไปด้วยเหล็กไนผึ้ง
หลังจากถูกผึ้งที่ทำรังอยู่ต้นมะม่วงรุมต่อยได้รับบาดเจ็บทั้งสองคน หมอต้องให้นอนรอดูอาการ หลังเอาเหล็กไนออกจากลำตัวออกหมดแล้วเบื้องต้นถูกผึ้งหลวงต่อยคนละมากกว่า 100 ตัว
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่จุดที่เกิดเหตุ พบเป็นรังผึ้งหลวงขนาดใหญ่ ทำรังอยู่บนต้นมะม่วงสูง พื้นดินประมาณ 4 เมตรบริเวณใต้ต้นมะม่วงพบหมวกและรองเท้าของผู้บาดเจ็บหล่นอยู่
สอบถามนายสาวิณี สายรุ้ง อายุ 36 ปี เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าตนเป็นญาติกับนางไน มีบ้านอยู่ติดกันมีรั้วปูนกั้นอยู่ก่อนเกิดเหตุป้าบอกกับตนว่า จะสอยมะม่วงให้กินตนจึงขอบคุณและยืนดูป้าสอยมะม่วงซึ่งอยู่ติดกัน
หลังจากป้าใช้ไม้สอยลงมาจนเก็บมะม่วงใส่ถุงเสร็จ ตนเห็นผึ้งคาดว่ามากกว่า 1,000 ตัว บินมาตอมหัวป้าไน ตนจึงบอกให้ป้าให้วิ่ง จากนั้นผึ้งได้บินตามหัวป้าเป็นก้อนใหญ่สีดำท่ามกลางเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากป้า
จึงตะโกนบอกป้าไปว่าให้ทิ้งมะม่วงแต่ป้าไม่ทิ้งกลับโยนมะม่วงข้ามรั้วมาหาบ้านของตนจึงวิ่งหนีเช่นเดียวกัน กระทั่งมีชาวบ้านเอาฝางมาจุดไฟเผารอบตัวป้าแต่ผึ้งยังไม่ยอมป้าต้องวิ่งต่อแบบล้มลุกคลุกคลานก่อนผึ้งจะบินกลับรัง
ต่อมาลูกชายป้าไน ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับต้นมะม่วงตนเห็นผึ้งตามเข้าไปในห้องน้ำอีกก้อนใหญ่ ก่อนที่ลูกชายป้าจะวิ่งหนีออกมาไม่คิดชีวิตเช่นเดียวกัน
นายสมจิตร ลูกชายนางไน เล่าว่า ตนกลับจากนาจะเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจู่ๆผึ้งหลวงก็บินมารุมต่อย โดยไม่ทราบสาเหตุจึงวิ่งหนีออกมาขอให้ชาวบ้านช่วยซึ่งต้องวิ่งไปให้ไกลจากรังมากที่สุดผึ้งจึงจะหยุดทำร้าย
ขณะที่นางไน เล่าว่า ผึ้งหลวงทำรังอยู่จุดนี้มานานเคยไปทำอะไรหลายอย่างใต้ต้นมะม่วงไม่เคยจะมาทำร้ายตนเองจึงตั้งชื่อว่า “ผึ้งใจดี” แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรืออาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนทำให้ผึ้งหงุดหงิดหลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพราะผึ้งเริ่มดุแล้ว
Advertisement