เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 467,191 คน รวมแล้วตอนนี้ 207,945,866 คน ตายเพิ่มอีก 8,062 คน ยอดตายรวม 4,374,234 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อิหร่าน อินเดีย อเมริกา สหราชอาณาจักร และเม็กซิโก
อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 30,883 คน รวม 37,466,718 คน ตายเพิ่ม 122 คน ยอดเสียชีวิตรวม 637,561 คน อัตราตาย 1.7%
อินเดีย ติดเพิ่ม 33,221 คน รวม 32,225,175 คน ตายเพิ่ม 421 คน ยอดเสียชีวิตรวม 431,674 คน อัตราตาย 1.3%
บราซิล ติดเพิ่ม 13,957 คน รวม 20,364,099 คน ตายเพิ่ม 385 คน ยอดเสียชีวิตรวม 569,218 คน อัตราตาย 2.8%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 21,624 คน รวม 6,600,836 คน ตายเพิ่ม 816 คน ยอดเสียชีวิตรวม 170,499 คน อัตราตาย 2.6%
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 21,172 คน ยอดรวม 6,471,035 คน ตายเพิ่ม 44 คน ยอดเสียชีวิตรวม 112,656 คน อัตราตาย 1.7%
อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และสเปน ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 88.92 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน
แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง ญี่ปุ่นนั้นกำลังเผชิญระลอกที่ 5 น่าเป็นห่วงมาก ล่าสุดติดเพิ่ม 20,147 คน ถือว่าเกินสองหมื่นมาต่อเนื่องเป็นวันที่สอง
เวียดนาม เมียนมาร์ เกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ไต้หวัน นิวซีแลนด์ และฮ่องกง ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
...วิเคราะห์สถานการณ์ไทย ยอดติดเชื้อรายวันติดอันดับท็อปเท็นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอันดับ 6
ซึ่งหากลองรวมจำนวนการตรวจด้วยวิธี ATK ทั้งจากหน่วยงานและประชาชนที่ตรวจด้วยตนเอง ก็มีสิทธิที่จะติดอันดับท็อป 5 ได้
การไม่รวม จะเกิดผลตามมาตามธรรมชาติของโรค 3 อย่างคือ การเจ็บป่วย การเสียชีวิต และการระบาดต่อเนื่อง
สิ่งที่ควรทำในการต่อสู้การระบาดหนักเช่นนี้ คือ การหยุดนิ่ง ปูพรมตรวจอย่างทั่วถึงและต่อเนื่องจนกว่าจะกดการระบาดได้ ยุตินโยบายเปิดเกาะเปิดท่องเที่ยวเปิดประเทศ นำเสนอข้อมูลสถานการณ์จริงให้สังคมได้ตระหนักรู้และตัดสินใจปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ปรับเปลี่ยนวงนโยบายและวิชาการเดิม และมุ่งหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมาใช้เป็นวัคซีนหลักของประเทศ
เลิกใช้คำว่า"ล็อคดาวน์" หากความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ล็อคดาวน์ เพราะเป็นการด้อยค่าล็อคดาวน์ที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้แสดงให้เห็นว่าได้ผลแน่นอน
แต่ที่ทำให้ไม่ได้ผลมาตลอดดังที่เห็น เพราะความ"ทิพย์"ของมาตรการ และมาตรการอื่นที่จำเป็นต้องทำนั้นก็ไม่มีความพร้อมเพียงพอ ทั้งเรื่องข้อจำกัดในระบบการตรวจคัดกรองโรค วัคซีน และอื่นๆ
ล็อคดาวน์คือการทำให้หยุดนิ่งในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อจะได้ลดการติดต่อพบปะกัน ตัดวงจรการระบาดในช่วงเวลานั้น ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการตรวจหาคนติดเชื้อแล้วแยกกักตัวและดูแลรักษา
หากทู่ซี้ใช้วิธีการเดิมต่อไป สิ่งที่จะตามมาแน่นอนคือ สถานการณ์ระบาดรุนแรง กระจายไปทั่ว และต่อเนื่องไปไม่มีที่สิ้นสุด
และหากบ้าจี้ ให้เปิดเมือง เปิดค้าขาย เปิดท่องเที่ยว ก็ควรต้องยอมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ การระบาดหนักหน่วง จนสุดท้ายก็จะกลับเข้าโหมดหมดตาเดินบนกระดานในที่สุด
สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอเน้นย้ำว่าสถานการณ์วิกฤติ ควรเตรียมตัว เตรียมงาน เตรียมสถานที่พัก เตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเผื่อยามที่มีคนในบ้านเจ็บป่วยไม่สบาย เตรียมอุปกรณ์ป้องกันให้เพียงพอ วางแผนการเงินการใช้จ่าย ระมัดระวัง
มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบต่างๆ และเตรียมใจที่จะสู้ศึกสงครามโรคระบาดนี้ในระยะยาว ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก ด้วยรักและห่วงใย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โควิดวันนี้ 16 ส.ค.64 ยอดยังพุ่ง ป่วยใหม่ 21,157 ราย ตาย 182 คน
- ไทย พบ 10 คลัสเตอร์ใหม่ กระจายใน 5 จังหวัด สมุทรสาคร พีคสุด ระบาดในโรงงานผลิตภัณฑ์อาหาร
- ปิด ภูเก็ต ต่อถึงสิ้นเดือน คนนอกพื้นที่ห้ามเข้าจังหวัด เว้น 16 กลุ่ม
Advertisement