วันที่ 31 ส.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ หมอธีระ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์แสดงความห่วงใยหลัง ศบค.ไฟเขียวเปิดห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 31 สิงหาคม 2564... สหราชอาณาจักรแซงฝรั่งเศสขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ของโลก เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 496,335 คน รวมแล้วตอนนี้ 217,834,964 คน ตายเพิ่มอีก 7,258 คน ยอดตายรวม 4,522,345 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา อิหร่าน อินเดีย สหราชอาณาจักร และฟิลิปปินส์
อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อาร์เจนติน่า อิหร่าน และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 91.13 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และญี่ปุ่น ติดเพิ่มกันหลักหมื่น ส่วนเมียนมาร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวัน ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
มาดูสถานการณ์ของไทยเรา จำนวนติดเชื้อใหม่เมื่อวานนี้สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเพิ่มนั้นเป็นอันดับ 9 ของโลก หากติดตามดูข้อมูลจำนวนการตรวจเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วันในเว็บไซต์ จะพบว่าลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงจำนวนการตรวจต่อวันที่ลดลง ขอให้ระมัดระวัง เพราะจำนวนการติดเชื้อใหม่ที่รายงานแต่ละวันนั้นน่าจะลดลงจากจำนวนการตรวจที่ทำแต่ละวันลดลงนั่นเอง
สัจธรรมคือ ตรวจมากย่อมมีโอกาสเจอมาก แล้วตรวจน้อยลงจะไม่เจอน้อยลงได้อย่างไร ธรรมชาติของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการประกาศนโยบายหรือมาตรการต่างๆ ที่เราเห็นในรอบเกือบ 9 เดือนที่ผ่านมานั้น ผลกระทบจะเกิดขึ้นตามมาให้เห็นโดยมักใช้เวลาราว 4-8 สัปดาห์ เพราะช่วงแรกของการประกาศนั้น กว่าจะมีการปรับพฤติกรรมจนอิ่มตัวมักใช้เวลา ดังนั้น หลังปลดล็อค 1 กันยายนไปแล้ว คาดว่าจะเห็นแรงกระเพื่อมชัดเจนตั้งแต่ตุลาคมเป็นต้นไป
หากจำกันได้ เคยวิเคราะห์ไปแล้วว่า หากยอดสูงสุดของระลอกสามคือ 13 สิงหาคม ตามธรรมชาติการระบาดของทั่วโลก ถ้าไม่ได้มีนโยบายเพิ่มความเสี่ยงเข้ามาอีก และคงมาตรการกดการระบาดไปเรื่อยๆ ครึ่งหนึ่งของกลุ่มประเทศเหล่านั้นจะใช้เวลาในการกดการระบาดจนถึงระดับคงที่ประมาณ 69 วัน นั่นคือน่าจะไปถึง 21 ตุลาคม (ราวสัปดาห์ที่ 3 ของตุลาคม) บวกลบราวหนึ่งเดือน
แต่ถ้าไม่ได้ควบคุมโรคในประเทศอย่างดีพอ ปลดล็อคเร็วไป หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อติดเชื้อเข้ามาในประเทศ ก็จะมีโอกาสทวีความรุนแรงมากขึ้น และสาหัสต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ยาวนานอีกหลายเดือน
ก็คงรอดูกันว่าสถานการณ์ของไทยเราจะเป็นเช่นไร ขอให้ประชาชนอย่างพวกเราทุกคนป้องกันตัวให้ดี อย่าประมาท ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก เลี่ยงการกินดื่มในร้านอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยที่สุด ด้วยรักและห่วงใย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศบค.ปลดล็อก เปิดห้าง-ร้านอาหาร ตรึงแดงเข้ม 29 จังหวัด ยังคงเคอร์ฟิว เริ่ม 1 ก.ย.นี้
- กทม. ออกประกาศฉบับ 41 คลายล็อกนั่งทานในร้านได้ ห้างเปิดไม่เกิน 2 ทุ่ม เริ่ม 1-30 ก.ย.นี้
Advertisement