ภาพมุมสูงบริเวณวัดบางบ่อกับโรงเรียนวัดบางบ่อและภายในหมู่บ้านกิตตินคร อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เผยให้เห็นระดับน้ำท่วมสูงทั่วบริเวณบางแห่งโดยเฉพาะภายในโรงเรียนวัดบางบ่อ มีระดับสูงกว่าเอว บนถนนมีน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร รถเก๋งไม่สามารถขับผ่านได้ต้องเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่หรือกระบะยกสูงเท่านั้น
ชาวบ้านบางรายต้องอพยพหนีน้ำท่วมที่มาพร้อมกับปลิงไปอาศัยอยู่บ้านญาติพี่น้องจนกว่าระดับน้ำจะลด แต่เป็นห่วงเด็กและผู้ชราที่จะอพยพกันแต่ละทีลำบากพอสมควรเพราะไม่มีเรือต้องอาศัยภาชนะหรือกะละมังขนาดใหญ่บรรทุกสัมภาระคนแก่และเด็กออกจากพื้นที่ ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า ท่วมทุกปีแต่ปีนี้ท่วมหนักที่สุด เพราะระดับน้ำต่างๆ ในคลองมีระดับน้ำเต็มคลองหมดแล้วจึงไม่มีที่จะระบาย
ส่วนภายในวัดบางบ่อที่อยู่ใกล้กับคลองสำโรงก็มีน้ำท่วมทั่วทั้งวัด ถนนหน้าวัดบางบ่อและชุมชนหน้าวัดก็มีระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องหากระสอบทรายมากันคลื่นน้ำที่เกิดจากรถยนต์ขนาดใหญ่วิ่งผ่านไม่ให้เข้าบ้านที่อยู่อาศัย และภายในโรงเรียนวัดบางบ่อมีน้ำท่วมทั่วบริเวณโรงเรียนสูงกว่าระดับเอว
ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังหัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงชลประทานชนหารพิจิตรซึ่งดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดสมุทรปราการจากการพูดคุยและสอบถามข้อสงสัยเรื่องการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่โดยเฉพาะคลองสายหลักอย่างคลองสำโรง คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตเชื่อมต่อคลองด่านคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ
การสูบน้ำชลหารพิจิตรมีเครื่องสูบน้ำทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมแล้ว 80 เครื่อง มีประตูระบายน้ำลงสู่ทะเล 2 จุดปัจจุบันได้เดินเครื่องสูบน้ำเต็มกำลังเกือบทุกตัวตลอด 24 ชั่วโมงมีบางตัวที่ต้องไว้ใช้สำรองเวลามีตัวอื่นเสียเพราะใช้งาน 24 ชั่วโมง ซึ่งชลหารพิจิตรมีขีดความสามารถที่จะสูบน้ำได้เฉลี่ยวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ล่าสุดวันในนี้สูบไปแล้วกว่า 26 ล้านลูกบาศก์เมตร ในส่วนของประตูระบายน้ำลงสู่ทะเลนั้นไม่สามารถทำได้เต็มที่เนื่องจากน้ำทะเลขึ้นลงสองช่วงเวลาที่ไม่เท่ากัน ในแต่ละวันปัญหาที่พบคือประมาณน้ำจากน้ำฝนในพื้นที่ที่ตกลงมาอย่างหนักเฉลี่ยแล้วประมาณ 200 มิลลิเมตรต่อวัน ทำให้มีประมาณน้ำในพื้นที่สูงเกือบ 2 เท่าตัวในการระบาย เทียบง่ายๆ เฉลี่ยต่อวันที่สูบได้คือ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรแต่น้ำมีมากกว่า 2 เท่าจึงทำให้น้ำระบายได้ช้าอย่างที่เห็น
คาดการณ์หากไม่มีน้ำฝนลงมาเพิ่มสูงก็จะสามารถระบายน้ำให้กลับสู่ภาวะปกติภายใน 2 วัน แต่หากมีน้ำฝนที่เพิ่มเข้ามาอีกก็จะยืดเวลาการระบายน้ำออกไปอีก ชลประทานชลหารพิจิตไม่ได้นิ่งนอนใจในการระบายน้ำ ที่ผ่านมาพยายามระบายน้ำจากคลองธรรมชาติให้ได้มากที่สุดแต่ติดปัญหาเรื่องของทางน้ำที่มีสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบุกรุกทางน้ำ ผักตบชวาที่หนาแน่น รวมถึงขยะต่างๆ ทำให้การพร่องน้ำทำได้ยากลำบากมากขึ้น ขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำช่วยในการระบายน้ำแล้ว 7 จุด โดย 2 จุดหลักคือสะพานข้ามคลองสำโรงใกล้รพบางบ่อและบริเวณที่ว่าการอำเภอบางบ่อ
ทั้งนี้พื้นที่ของบางบ่อและบางเสาธงที่กำลังเจอน้ำท่วมในขณะนี้เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ อีกทั้งมีมวลน้ำจากรอบนอกของจังหวัดข้างเคียงที่ไหลลงสู่พื้นที่ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมสูง ฝากเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ริมคลองหลักอย่าชะล่าใจปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้นขอให้ประชาชนเตรียมขนย้ายสิ่งของและเฝ้าระวังสูงสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น้ำท่วมเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ชาวบ้านเผยหนักสุดในรอบ 20 ปี
- น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมชุมชนตลาดเก่า 100 ปี เทศบาลตำบลกบินทร์ จ.ปราจีนบุรี ต้องใช้เรือสัญจร
Advertisement