กดสิวดีไหม กำจัดสิวอย่างไร ให้ถูกวิธี?

รวมมาให้แล้ว กดสิวดีไหม? พร้อมแนะนำวิธีรักษาสิวและรอยสิวที่ตรงจุด ปลอดภัย ได้ผลชัดเจน ไขข้อสงสัยทั้งหมดที่นี่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทริครับมือกับมลภาวะ PM2.5 สาเหตุของการเกิดสิว-ผิวแพ้ง่าย

เผย 3 ปัจจัยที่ทำให้เกิด “สิวหน้ากาก” พร้อมทริคดูแลที่ถูกต้อง

ผิวแห้ง.. ใครว่าไม่เป็นสิว

กดสิว มีข้อดีอะไรบ้าง กำจัดสิววิธีนี้ดีไหม?

การกำจัดสิวเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ เพราะสิวไม่เพียงส่งผลต่อความมั่นใจ แต่ยังอาจทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าได้ในระยะยาว การกดสิวเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายคนเลือกใช้เพื่อกำจัดสิวให้หายไปอย่างรวดเร็ว บทความนี้จะพาไปดูข้อดีของการกดสิว และข้อมูลที่คุณควรรู้ก่อนไปกดสิว!

ข้อดีของการกดสิว

• รวดเร็วกว่าการใช้ยา : เห็นผลทันทีเมื่อเทียบกับการทายาหรือรับประทานยา ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์

• ลดความเสี่ยงการแพ้ยา : ไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น อาการแพ้ ผิวแห้ง หรือผิวไวต่อแสง

• ป้องกันสิวอักเสบ : ช่วยลดโอกาสที่สิวอุดตันจะพัฒนาเป็นสิวอักเสบในอนาคต

• ผิวเรียบเนียนขึ้น : ช่วยกำจัดสิวอุดตันที่อยู่ใต้ผิว ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น

กดสิวดีไหม?

กดสิวดีไหม ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ การกดสิวที่ดีไม่ควรทิ้งรอยแดงหรือรอยดำ หรือเกิดรอยน้อยที่สุดในระดับที่ยอมรับได้ ไม่เกิดการอักเสบหลังการกด และมีอาการเจ็บน้อยที่สุด ดังนั้น ควรเลือกคลินิกรักษาสิวที่มีความน่าเชื่อถือและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแล

กดสิวบ่อยแค่ไหน?

ความถี่ในการกดสิวที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์

• กรณีรักษาสิว : ควรทำทุก 1 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการเกิดสิวใหม่และจัดการกับสิวที่มีอยู่

• กรณีดูแลผิวทั่วไป : ควรทำทุก 1 เดือน เพื่อป้องกันการสะสมของสิวอุดตัน

ทั้งนี้ ควรพิจารณาจากสภาพผิวและปริมาณสิวที่เกิดขึ้นใหม่ประกอบด้วย

กดสิวเจ็บไหม?

ความเจ็บปวดจากการกดสิวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 3 ประการ

• รูปแบบการกดสิว : การใช้เข็มเปิดหัวสิวอย่างถูกวิธีจะเจ็บน้อยกว่าการใช้เลเซอร์

• เทคนิคการกด : การกดที่ถูกวิธีจะใช้แรงกดน้อย ทำให้เจ็บน้อยกว่า

• ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ : ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถเลือกวิธีและแรงกดที่เหมาะสม ทำให้รู้สึกไม่เจ็บมาก

ทางเลือกการรักษาสิวอื่น ๆ

นอกจากการกดสิว ปัจจุบันมีนวัตกรรมการรักษาสิวที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น โปรแกรมรักษาสิวที่มุ่งเน้นการรักษาที่ต้นเหตุโดยแท้จริง ด้วยโปรแกรม Acne Resolve/Resize ที่ใช้คลื่นพลังงานพิเศษเข้าไปจัดการกับต่อมไขมันที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์สาเหตุของสิวผ่าน Acne Lab เพื่อตรวจดูชนิดของเชื้อที่เป็นต้นเหตุ และทำ Fit Test เพื่อตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่อาจกระตุ้นการเกิดสิว วิธีนี้ช่วยให้การรักษาตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับผู้ที่มีปัญหารอยสิว ที่ Dr. NAT Clinic มีโปรแกรม DAS (Double Advance Skin Stimulator) ที่ช่วยฟื้นฟูผิวและลดรอยสิวด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยใช้ Growth Factor จากเซลล์ต้นกำเนิดเกล็ดเลือด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเร่งการฟื้นฟูผิว ทำให้รอยสิวจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น

การเลือกวิธีรักษาสิวที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล จะช่วยให้การรักษาเห็นผลลัพธ์ที่ดีและตรงจุดนั่นเอง

คอนเทนต์แนะนำ

ผงะ!ศพสาวชาวไทยในตึกร้าง กลางเมืองภูเก็ต

ปฏิทินวันพระเดือนมีนาคม 2568 วันพระมีนาคม 2568

สมัครสอบท้องถิ่น 68 วันแรก 7 มี.ค. ตรวจสอบวุฒิ ตำแหน่งที่เปิดสอบ