ดีเอชแอล ผนึกกำลัง มิชลิน เปิดตัวรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย เดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืน
ดีเอชแอล ผนึกกำลัง มิชลิน เปิดตัวรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย เดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืน ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในพันธกิจสู่ความยั่งยืนของทั้งสองบริษัท มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรุงเทพฯ 18 มีนาคม 2568 — ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก จับมือ มิชลิน ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตวัสดุคอมโพสิตและการนำเสนอประสบการณ์การเดินทางเพื่อขับเคลื่อนชีวิตที่ดีกว่า เปิดตัวรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า สะท้อนก้าวสำคัญในพันธกิจร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ภายใต้ความร่วมมือนี้ ดีเอชแอลจะนำรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาด 100% และติดตั้งยางล้อมิชลินรุ่น MICHELIN X® Multi™ Z2 และ MICHELIN X Multi D+ มาใช้ในการขนส่งวัตถุดิบระหว่างโรงงานของมิชลิน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 195 ตันต่อปี
รถหัวลากพลังงานไฟฟ้าคันนี้จะวิ่งใน 2 เส้นทางหลัก ได้แก่ พระประแดง-หนองแค และพระประแดง-แหลมฉบัง โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 350 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้เวลาชาร์จเต็มเพียง 2 ชั่วโมง รถคันนี้ไม่มีการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียและช่วยลดเสียงรบกวนบนท้องถนน จึงสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของทั้งสองบริษัท
สตีฟ วอล์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย เน้นย้ำถึงความสำคัญในความร่วมมือครั้งนี้ว่า "เรามุ่งมั่นปรับเปลี่ยนรถขนส่งให้เป็นพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเรา และยังคงมองหาวิธีดำเนินงานที่ยั่งยืนมากขึ้น เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับมิชลินเพื่อสนับสนุนการขนส่งบนท้องถนนที่ลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งการเปิดตัวรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าคันแรกร่วมกันในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันเป้าหมายนี้ให้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้น"
"ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการซัพพลายเชนยานยนต์และรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า ดีเอชแอล ซัพพลายเชน พร้อมสนับสนุนมิชลินในการลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน นวัตกรรมคือหัวใจสำคัญในการดำเนินงานของบริษัท เราจึงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ร่วมกับลูกค้าของเราต่อไป”
อาหมัดเรซา บาห์รามี รองประธานฝ่ายซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ มิชลินเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “มิชลินมีแผนการดำเนินงานสู่ความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม เรามุ่งมั่นนำวัสดุที่ใช้แล้ว 100% มาหมุนเวียนใช้ซ้ำในกระบวนการผลิตยางล้อภายในปี 2050 เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในการสัญจรที่ยั่งยืน เรากำลังเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยยังคงรักษาประสิทธิภาพการใช้งานที่ยาวนานผ่านการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและการร่วมมือกับพันธมิตร การจับมือกับดีเอชแอลในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสู่อนาคตที่การเดินทางมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
รถหัวลากพลังงานไฟฟ้าจะถูกบริหารจัดการโดยศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการด้านการขนส่งของดีเอชแอล (DHL Connected Control Tower) ผ่านการใช้เทคโนโลยีทันสมัยมากมาย อาทิ Paragon Route Optimization System, Transport Management System, Telematics รวมถึงแพลตฟอร์มดิจิทัล MySupplyChain ของดีเอชแอล โดยระบบเหล่านี้เมื่อใช้งานร่วมกับกล้องติดรถที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะส่งการแจ้งเตือนเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ไปยังทีมติดตามของดีเอชแอล เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ พนักงานขับรถขนส่งไฟฟ้าของดีเอชแอลจะได้รับการฝึกอบรมพิเศษ เพื่อยกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขนส่ง
มิชลิน ในฐานะผู้นำด้านการสัญจรที่ยั่งยืน ยังคงบุกเบิกโซลูชันเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านความมุ่งมั่นในกลยุทธ์ความยั่งยืนทุกด้าน (All Sustainable) ซึ่งประกอบด้วยเสาหลัก 3 ประการ ได้แก่ People (ผู้คน), Profit (ผลกำไร) และ Planet (ผืนโลก) บริษัทมุ่งมั่นที่จะใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียน 100% มาผลิตยางล้อภายในปี 2050 เพื่อให้มั่นใจว่ายางมิชลินทั้งหมดจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มิชลินไม่เพียงเป็นผู้ผลิตนวัตกรรมเทคโนโลยียางล้อสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการขนส่ง
ความร่วมมือระหว่างดีเอชแอลและมิชลินครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืน สร้างมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และยานยนต์ในประเทศไทย การจับมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างดีเอชแอลและมิชลินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ยกระดับความยั่งยืน ความปลอดภัย และการหมุนเวียนทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินธุรกิจในท้องถิ่นและทั่วโลกของทั้งสองบริษัท
Advertisement
