SPOTLIGHT เทียบ 4 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมาแรงในตลาดไทย "Shopee, Lazada, TikTok Shop, และ TEMU" ที่กำลังแข่งขันกันดุเดือด แย่งชิงผู้ใช้งานต่อเนื่อง
ศึกอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยดุเดือดอย่างต่อเนื่อง หลังจาก 'TEMU' แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีนภายใต้ PDD Holdings ของ Pinduoduo เปิดตัวเงียบในปลายเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ด้วยกลยุทธ์ลดราคาสินค้ากระหน่ำมากถึง 90% แย่งชิงลูกค้าในไทยจากพฤติกรรมการชอบซื้อสินค้าราคาถูก และกำลังซื้อที่น้อยลงท่ามกลางเศรษฐกิจฝืดเคือง
คนไทยมีการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสูง ข้อมูลจาก Momentum Asia ชี้ว่า ในปี 2566 Gross Merchandise Value (GMV) หรือ ยอดขายสินค้าออนไลน์รวม ของ Shopee, Lazada, และ TikTok Shop รวมกันทะลุ 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6.76 แสนล้านบาท โดย Shopee มีส่วนแบ่งสูงที่สุดที่ 49% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดในไทย
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลดราคาของ TEMU อาจทำให้บริษัทสามารถสู้คู่ Shopee ได้ รวมทั้งโมเดลธุรกิจที่เป็นอีคอมเมิร์ซที่ขายสินค้าตรงจากโรงงานในประเทศจีน จากการนำข้อมูลและดาต้าจากแพลตฟอร์ม นำส่งให้โรงงานเพื่อผลิตสินค้าได้อย่างแม่นยำ ตามความต้องการของลูค้า และในต้นทุนที่ถูกกว่าตลาดมาก
ไม่เพียงเท่านี้ การที่ TEMU ไม่ได้เปิดสำนักงาน หรือบริษัทนิติบุคคลภายในประเทศไทย ส่งผลให้แพลตฟอร์มไม่ต้องเสียภาษีให้กับไทยแม้แต่บาทเดียว และไทยเอง ไม่มีสิทธิ์ในการตรวจสอบธุรกิจของ TEMU ได้แม้แต่นิดเดียว รวมทั้งทำให้สินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทย ยิ่งสร้างการแข่งขันกับผู้ประกอบการและโรงงานอย่างดุเดือด ซึ่งอาจตามมาด้วยความลำบากของผู้ประกอบการและโรงงานในการผลิตสินค้า หากใครสู้ไม่ไหว ก็ต้องปิดกิจการไป
สิ่งที่น่าจับตามอง คือ TEMU จะสามารถตีตลาดไทยได้มากน้อยแค่ไหน? ในช่วงที่อีคอมเมิร์ซต่างสู้กันดุเดือด รวมทั้งแพลตฟอร์มอื่นที่มีฐานลูกค้าเดิมอย่างเหนียวแน่น SPOTLIGHT ได้รวบรวมข้อมูล และเปรียบเทียบ 4 อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการในประเทศไทย ดังนี้