‘กองทัพต้องเดินด้วยท้อง’ อาจดูเป็นวลีที่มักถูกพูดถึงเมื่อเวลารู้สึกหิว แต่ก็สะท้อนถึงพฤติกรรมของคนไทย ที่ให้ความสำคัญกับ ‘อาหาร’ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่ชอบค้นหาร้านอาหารใหม่ๆ ที่มีความเอ็กซ์คลูซีฟ มีลูกเล่น เพื่อประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นกว่าเดิม
สอดคล้องกับอินไซต์ที่ ‘Grab Food’ เผยว่า “คนไทยขี้เบื่อ ชอบลองเมนูใหม่” จากการชงพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของ Grab เพิ่มเมนูใหม่เฉลี่ย 25% ต่อปี ผุดกลยุทธ์ ‘Collaborative Marketing’ จับคู่ร้านฮิตติดกระแส ส่งเมนูพิเศษแบบโค-ครีเอชัน เอาใจสายกินตลอดทั้งปี ซึ่งช่วยต่อยอดธุรกิจและเพิ่มทราฟิกเข้าร้านได้ถึง 2 เท่า
จิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี Grab ประเทศไทย เผยว่า “คนไทยถือเป็นชาติที่ยืนหนึ่งในเรื่องอาหารและให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการกิน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่ชอบสรรหาร้านอาหารและเมนูใหม่ๆ มาลิ้มลองเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา”
ข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี ของ Grab พบว่า หนึ่งในปัจจัยหลักที่ผู้ใช้บริการให้ความสำคัญ คือ การมี ‘ตัวเลือก’ ของร้านอาหารที่หลากหลาย และการนำเสนอเมนู ‘อาหารที่แปลกใหม่และน่าสนใจ’
Grab จึงได้พยายามส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่บนแพลตฟอร์ม พยายามพัฒนาสินค้าและเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยในแต่ละปี พาร์ทเนอร์ร้านอาหารของ Grab ได้เพิ่มเมนูใหม่ๆ เฉลี่ยมากกว่า 25% เพื่อตอบโจทย์และเอาใจผู้ใช้บริการสายกิน
นอกจากการแนะนำร้านอาหารให้ผู้ใช้งานผ่านแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumsUp แล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ Grab บุกหนักในปีนี้ คือ การทำ Collaborative Marketing จับคู่ร้านเด็ดที่มีเมนูฮิตติดเทรนด์มาร่วมมือกันสร้างสรรค์อาหารหรือเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่หาได้เฉพาะที่ Grab
โดย Grab เริ่มทดลองคอนเซ็ปต์นี้มาตั้งแต่ปี 2565 ผ่านการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มพฤติกรรมการสั่งอาหาร ยอดขายของร้านหรือเมนูที่ได้รับความนิยม ควบคู่ไปกับการจับเทรนด์ที่กำลังมาแรง
Grab ทำหน้าที่เป็น ‘ตัวกลาง’ คอยเชื่อมให้ร้านเด็ดแบรนด์ดังให้ได้พัฒนานวัตกรรมหรือสินค้าใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการและถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งพบว่า การสร้างเมนูพิเศษแบบโค-ครีเอชัน เพิ่มทราฟิกหรือการเข้าถึงร้านค้าบนแพลตฟอร์มได้ถึง 2 เท่า เมื่อเทียบช่วงก่อนและหลังการทำ Collaborative Marketing
โดยตลอดทั้งปีนี้ GrabFood ได้นำเสนอเมนูพิเศษรวมกว่า 20 เมนูจากมากกว่า 30 ร้านดัง ภายใต้กลยุทธ์ Collaborative Marketing ใน 3 รูปแบบ คือ: