นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ บอกว่า ที่ผ่านมาผู้เลี้ยงไก่ไข่ประสบปัญหาขาดทุนมาตลอดแต่หน่วยงานภาครัฐไม่เคยเข้ามาช่วยเหลืออะไรเลย มีแต่บอกให้สั่งตรึงราคาไว้เท่านั้น ทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยต้องขาดทุนและเลิกเลี้ยงไปจำนวนมาก ดังนั้นการขึ้นราคาครั้งนี้เพื่อเป็นการสะท้อนต่อต้นทุนการเลี้ยงที่แท้จริงหลังจากที่ผ่านมาราคาต้นทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 30-35% ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารสัตว์ ค่ายา ค่าแรง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ต่างปรับขึ้นทั้งหมด จึงอยากให้ทุกฝ่ายเห็นใจเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ด้วย
ด้านนาย มาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ระบุ ราคาที่ปรับขึ้น 3.20 บาทวันนี้ ยังเป็นราคาที่เป็นไปตาม คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือ เอ้กบอร์ด กำหนด นั่นคือ บวกจากราคาต้นทุน 20% ราคาต้นทุน 2.90 บาท บวก 20% เท่ากับ 58 สตางค์ ดังนั้นที่จริงสามารถขึ้นได้ถึง 3.48 สตางค์ แต่ขณะนี้ปรับขึ้นแค่ 3.20 บาท เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ บอกว่า มีสินค้าทั้งหมด 18 กลุ่ม ที่กระทรวงพาณิชย์สามารถตรึงราคาไว้ได้และไม่อนุญาตให้ขึ้นราคา ประกอบด้วย 1.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2.หมวดอาหารสด 3.อาหารกระป๋อง 4.ข้าวสารถุง 5.ซอสปรุงรส 6.น้ำมันพืช 7.น้ำอัดลม 8.นมและผลิตภัณฑ์จากนม 9.เครื่องใช้ไฟฟ้า 10.ผลิตภัณฑซักล้าง 11.ปุ๋ย 12.ยาฆ่าแมลง 13.อาหารสัตว์ 14.เหล็ก 15.ปูนซีเมนต์ 16.กระดาษ 17.ยา เวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ 18.บริการผ่านห้าง ค้าปลีก-ส่ง
“กระทรวงสามารถดำเนินการได้ประสบความสำเร็จ 2 ส่วน 1.สามารถตรึงราคาไว้ได้ภายใต้ความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน 2.ทำให้รายการสินค้าบางกลุ่มปรับลดลง เช่น ในห้างสรรพสินค้าสำคัญ 6 ห้างที่ติดตามราคาได้ใกล้ชิดประกอบด้วย แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี ท็อปส์ เพาเวอร์บายและไทวัสดุ เป็นต้น ปรับลดลงหลายหมวด เช่น อาหารกระป๋อง ลดลง 2-13% ข้าวสารถุง ลดลง 13-35% ซอสปรุงรส ลดลง 9-32% น้ำอัดลม ลดลง 5-7% นมและผลิตภัณฑ์จากนม ลดลง 4-26% เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดลง 8-70% ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ลดลง 10-30%