ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ผ่านมาที่ 31.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแคบ ๆเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจาก "พาวเวล" ย้ำว่าเฟดลดดอกเบี้ยเพราะกังวลเรื่องตลาดแรงงาน โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์ให้ความชัดเจนถึงเหตุผลในการลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่าความกังวลที่ตลาดแรงงานจะชะลอตัวลงมีน้ำหนักมากกว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย และหน้าที่หลักของเฟดในตอนนี้คือการ สร้างความสมดุลให้กับการรักษาเสถียรภาพด้านราคา และการทำให้การจ้างงานเต็มศักยภาพ
จากคำกล่าวนี้ตลาดยังคงขานรับต่อการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้
ดัชนี PMI สหรัฐฯ ชะลอตัวลงเล็กน้อย: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นต้นประจำเดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ ออกมาชะลอตัวลงเล็กน้อยทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ โดยดัชนีภาคการผลิตอยู่ที่ 52.0 (คาดการณ์ 52.2) และภาคบริการอยู่ที่ 53.9 (คาดการณ์ 54.0) ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจกำลังขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค มากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,613 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 930 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.78ขาย 31.98
* แนะนำ ซื้อ 37.35/ขาย 37.85
* แนะนำ ซื้อ 0.2140/ ขาย 0.2180
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.78 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 31.80 บาท/ดอลลาร์
ค่าบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด, ดัชนีราคา PCE เดือนส.ค. และตัวเลข GDP ไตรมาส 2/68 ในช่วงปลายสัปดาห์ส่วนปัจจัยในประเทศ ธปท. ให้ความเห็นว่า กำลังติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และได้เข้าดูแลตลาดเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของทุนสำรองระหว่างประเทศ และต้องตามดูประเด็น Net Error and Omission (NEO) หรือ ข้อผิดพลาดและตกหล่นสุทธิ ว่าจะมีส่วนกดดันต่อค่าเงินบาทหรือไม่.
ในส่วนของราคาทองคำยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันค่าเงินบาท โดยทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ 3,710 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากสัปดาห์ก่อนมีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี และส่งสัญญาณว่าจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายต่อเนื่องเพื่อตอบรับตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ทั้งนี้จาก CME FedWatch Tool นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 93% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนตุลาคม และ 81% สำหรับการประชุมเดือนธันวาคม.
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท คาดว่าวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และผันผวนตามราคาทองคำ โดยมีแนวรับที่ระดับ 31.65 บาท/ดอลลาร์
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 7,690 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,672 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 31.65
* แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 37.20
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2100
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 31.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ทองคำยังคงแข็งแกร่ง: ในช่วงท้ายสัปดาห์ที่แล้ว สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนีดอลลาร์ปิดที่ระดับ 97.644 เนื่องจากนักลงทุนประเมินท่าทีของเฟดที่แม้จะลดดอกเบี้ยแต่ยังคงแสดงความกังวลต่อเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนต่อเนื่อง โดยปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 3,705.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 สะท้อนว่าตลาดยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยรวม
ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงจากความกังวลด้านอุปทาน: สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดลดลงมาอยู่ที่ 62.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยกดดันจากความกังวลว่าอุปทานในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงกว่าอุปสงค์ที่อาจชะลอตัว ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยบวกจากการลดดอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 3,190.44 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 302 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.67/ขาย 32.97
* แนะนำ ซื้อ 37.16/ขาย 37.56
* แนะนำ ซื้อ 0.2112/ ขาย 0.2152
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ 31.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ตลาดหุ้นทั่วโลกขานรับเฟดลดดอกเบี้ย โดยมีหุ้นเทคโนโลยีนำตลาด: สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยตามคาด โดยตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลกปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวสูงขึ้น 0.55% ขณะที่ตลาดเอเชีย ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นปิดทะลุระดับ 45,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ 45,303.43 จุด (+1.15%) และ ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ ที่ 3,461.30 จุด (+1.4%) เช่นกัน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง สวนทางนโยบายเฟด: อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ กลับออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดย ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ประจำเดือน ก.ย. พุ่งขึ้นสู่ระดับ 23.2 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ที่ 1.7 อย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ก็ออกมาต่ำกว่าคาดที่ 231,000 ราย บ่งชี้ว่าทั้งภาคการผลิตและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวได้ดี ซึ่งเป็นภาพที่ค่อนข้างขัดแย้งกับทิศทางการดำเนินนโยบายของเฟด
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 3,227.33 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,225 ล้านบาท
USD/THB 31.75-32.05
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.75/ขาย 32.05
EUR/THB 37.38 - 37.78
แนะนำ ซื้อ 37.38/ขาย 37.78
JPY/THB 0.2117 - 0.2157
แนะนำ ซื้อ 0.2117/ ขาย 0.2157
GBP/THB 43.04- 43.44
AUD/THB 20.90 - 21.30
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.83 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 31.72 บาท/ดอลลาร์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังมีความชัดเจนว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติ 11 ต่อ 1 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ โดยให้เหตุผลว่าตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแอ แม้อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่ากรอบเป้าหมายบ้าง ทั้งนี้ Powell ย้ำว่าเป็นการปรับเชิง “บริหารความเสี่ยง” ไม่ใช่สัญญาณของการเริ่มลดแรงต่อเนื่อง
โดยมีสรุปดัชนี้ชี้วัดทางเศรษฐกิจสำคัญ ดังนี้ จ้างงานใหม่เดือน ส.ค. ที่ระดับ 22,000 ถือว่าต่ำกว่าคาดการณ์ อัตราว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.3% โดยมีการปรับ GDP ปีนี้เพิ่มเป็น 1.6% (เดิม 1.4%) ดัชนีเงินเฟ้อ PCE Core ปี 2025 คงที่ 3.1% โดยคาดการณ์ว่าจะลดลงใกล้ระดับเป้าหมาย 2% ในปี 2027
สถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ วานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 199 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 3,809 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.70 /ขาย 32.00
* แนะนำ ซื้อ 37.40/ขาย 37.80
* แนะนำ ซื้อ 0.2150 / ขาย 0.2190
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.66 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 31.72 บาท/ดอลลาร์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 16-17 ก.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน ก.ค. และเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.4% ในเดือน ก.ค.
ตลาดจับตาผลการประชุม FOMC และจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังเสร็จสิ้นการประชุมวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อรวมถึงการเคลื่อนความเคลื่อนไหวของเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) รวมถึงราคาทองคำ
สถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,247 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 1,905 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.50/ขาย 31.90
* แนะนำ ซื้อ 37.30/ขาย 37.80
* แนะนำ ซื้อ 0.2130 / ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.82 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 31.87 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก โดยนักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในวันที่ 17 ก.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในการประชุมเดือน ต.ค.และธ.ค.
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังเสร็จสิ้นการประชุมวันที่ 17 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ
เมื่อวานนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.73 - 31.96 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ในภูมิภาค หลังจากมีกระแสข่าวว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการพิจารณาเก็บภาษีซื้อขาย ทองคำด้วยสกุลเงินบาทผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อต้องการสกัดการแข็งค่าของเงินบาท ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก และการท่องเที่ยว
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 303.49 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 4,319 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.70/ขาย 32.00
* แนะนำ ซื้อ 37.20 /ขาย 37.70
* แนะนำ ซื้อ 0.2130 / ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.71 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาด เมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 31.73 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจาก ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาก่อนหน้านี้มีความผสมผสานกันระหว่างจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 ปี กับข้อมูลเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ส.ค. ที่แม้จะเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มความซับซ้อนต่อการพิจารณาเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์นี้ แต่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจไปที่โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ย โดยข้อมูลสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Fed fund บ่งชี้ว่า ตลาดเชื่อมั่นว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 17 ก.ย. ขณะที่โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยถึง 0.50% นั้นเริ่มลดลง
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน ประมาณการเศรษฐกิจและ dot plot ใหม่ของเฟด (16-17 ก.ย.) ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคานำเข้าและส่งออก ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือน ส.ค. ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ย. ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) (18 ก.ย.) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) (18-19 ก.ย.) ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค. ของจีน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น ด้วยเช่นกัน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,794 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 765 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 31.60 / ขาย 31.80
* แนะนำ ซื้อ 36.95 / ขาย 37.45
* แนะนำ ซื้อ 0.2125 / ขาย 0.2165
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวานที่ 31.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนส.ค. ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดไว้ที่ระดับ 3.3% จากระดับ 3.1% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ค. ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก90% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และให้น้ำหนัก 10% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนส.ค.ในวันนี้ โดยคาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. จากระดับ 2.7% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 3.1% เช่นกันในเดือนก.ค.
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,799 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,836 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.60/ขาย 31.90
* แนะนำ ซื้อ 36.95/ขาย 37.35
* แนะนำ ซื้อ 0.2135/ ขาย 0.21757
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวานที่ 31.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนส.ค. ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดไว้ที่ระดับ 3.3% จากระดับ 3.1% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ค. ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก90% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และให้น้ำหนัก 10% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนส.ค.ในวันนี้ โดยคาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. จากระดับ 2.7% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 3.1% เช่นกันในเดือนก.ค.
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,799 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,836 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.60/ขาย 31.90
* แนะนำ ซื้อ 36.95/ขาย 37.35
* แนะนำ ซื้อ 0.2135/ ขาย 0.21757
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่า เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวานที่ 31.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อวานนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนไหวในกรอบ 31.60-31.73 เป็นระดับที่แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม แม้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้นำเข้า แต่ผลกระทบเชิงลบในภาพใหญ่นั้นน่ากังวลกว่า โดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของ GDP จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากราคาสินค้าไทยแพงขึ้นในสายตาของผู้ซื้อต่างชาติ รวมถึงภาคการท่องเที่ยว อาจส่งผลให้การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชะลอลง
ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยนักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจกับการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือน ส.ค.ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจสร้างความซับซ้อนให้กับการตัดสินใจของเฟด
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 389.31 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 9,760 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.60/ขาย 31.90
* แนะนำ ซื้อ 36.95/ขาย 37.35
* แนะนำ ซื้อ 0.2135/ ขาย 0.21757
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.71 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 31.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ยกเว้นเยน โดยดอลลาร์ถูกกดดันจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ขณะที่เยนได้รับผลกระทบจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ และเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดการในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ตลาดรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพุธ และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพฤหัสบดี
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,412 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 4,143 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.60/ขาย 31.90
* แนะนำ ซื้อ 37.10/ขาย 37.50
* แนะนำ ซื้อ 0.2130/ ขาย 0.2170
นางสาวพิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นประมาณ 7% อยู่ในกลุ่มนำเงินสกุลเงินภูมิภาค โดยการเคลื่อนไหวแข็งค่าของสกุลเงินภูมิภาคและค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สหรัฐฯ จากการที่ผู้ร่วมตลาดคาดการณ์ว่าการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มจะผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่เงินบาทได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
ในระยะถัดไป ตลาดการเงินยังมีความไม่แน่นอนสูง โดย ธปท. ยังคงติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดและเข้าดูแลความผันผวนของค่าเงินเพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการในการลดผลกระทบจากราคาทองคำต่อค่าเงินบาท ทั้งนี้ ภาคเอกชนควรพิจารณาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงิน
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 32.19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ารุนแรง หลังตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด ตลาดมั่นใจเฟดลดดอกเบี้ย: สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีดอลลาร์ (DXY) ร่วงลง 0.59% สู่ระดับ 97.765 หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm Payrolls) ประจำเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 75,000 ตำแหน่งอย่างมาก ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานที่ชัดเจน และส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. นี้ โดยล่าสุดตลาดให้ความน่าจะเป็นถึง 90% ที่จะมีการลดดอกเบี้ย 0.25%
ราคาทองคำพุ่งทะยานเกือบ 1.3% : ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยสัญญาส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 3,653.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอได้เพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดจะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,005.88 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 274 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 31.92/ขาย 32.22
* แนะนำ ซื้อ 37.35/ขาย 37.75
* แนะนำ ซื้อ 0.2126/ ขาย 0.2166
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.28 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.32 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก จากการชะลอตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 ก.ย.
โดยล่าสุดเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 237,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 231,000 ราย
นอกจากนี้ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 54,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 75,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 104,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดแรงงานและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
โดยคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเพียง 74,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 73,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ในเดือนส.ค. จากระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,781.45 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,295 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.10/ขาย 32.40
* แนะนำ ซื้อ 37.40 /ขาย 37.90
* แนะนำ ซื้อ 0.2150 / ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.29 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาด เมื่อวานที่ระดับ 32.36 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจาก มีการเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ที่คาดไว้ที่ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวได้รับผลกระทบจากนโยบายเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ภาคธุรกิจเกิดความลังเลในการจ้างงาน ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
นอกจากนี้ราคาทองคำและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ได้ปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการคลังและความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตลาดกังวลว่ารัฐบาลอาจต้องคืนเงินภาษีศุลกากรจำนวนมากที่เรียกเก็บไปแล้วจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์แก่ประเทศคู่ค้า และความพยายามแทรกแซงเฟดอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือในการควบคุมเงินเฟ้อในระยะยาว
ปัจจัยที่ต้องติดตาม พัฒนาการทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 586 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,868 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 32.20 / ขาย 32.40
* แนะนำ ซื้อ 37.45 / ขาย 37.95
* แนะนำ ซื้อ 0.2160 / ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.34บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.40 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า จากราคาทองคําปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากตลาดการเงินยังคงมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคําปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดและมายืนเหนือโซน 3,500 เหรียญ
ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาษีนําเข้าของทรัมป์ หลังจากศาลอุทธรณ์ตัดสินเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าภาษีเหล่านั้นผิดกฎหมาย แม้ว่าศาลจะกล่าวว่าภาษีของทรัมป์สามารถคงอยู่ได้จนถึงกลางเดือนตุลาคมก็ตาม ,ประเด็นการแทรกแซงเฟดของประธานาธิบดีทรัมป์ การที่จีนปล่อยเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ทำให้ sentiment ของเงินดอลลาร์ยังคงเปราะบางในช่วงนี้
ข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน: ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 53.0 ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย แต่ดัชนี ISM ซึ่งเป็นที่จับตาของตลาด กลับออกมาที่ 48.7 ต่ำกว่าที่คาดและยังคงอยู่ในภาวะหดตัว (ต่ำกว่าระดับ 50) สะท้อนภาพรวมภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่.
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ การเมืองในประเทศ และราคาทองคำในตลาดโลก ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่สำคัญต่อไปคือรายงานตำแหน่งจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. ในวันศุกร์นี้เพื่อประเมินการลดดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปี 68 ต่อเนื่องปี 69.
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท คาดว่าวันนี้จะผันผวนตามราคาทองคำ และมีโมเมนตัมแข็งค่า โดยมีแนวรับที่ระดับ 32.25
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,401 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 752 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 32.25
* แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 37.50
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2160
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ผ่านมาที่ 32.29 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจไทยเดือน ส.ค. ฟื้นตัว นำโดยภาคบริการและการผลิต: ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47.5 จาก 45.8 ในเดือนก่อนโดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารที่ได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวชาวยุโรป และภาคการผลิต ซึ่งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวดีขึ้นตามการส่งออกที่ขยายตัว นอกจากนี้คาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้ายังปรับดีขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 50 ที่ 51.1 สะท้อนความเชื่อมั่นต่อการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
สหรัฐฯ ยืนยันเดินหน้านโยบายการค้า แม้ศาลชี้มาตรการภาษีไม่ชอบด้วยกฎหมาย: ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ยืนยันว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังคงเดินหน้าเจรจาการค้าและใช้นโยบายภาษีกับประเทศคู่ค้าต่อไป ถึงแม้ว่าล่าสุดศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ จะมีคำตัดสินว่ามาตรการดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม โดยฝ่ายบริหารแสดงความมั่นใจว่าศาลฎีกาจะกลับคำตัดสิน และยังมีเครื่องมือทางกฎหมายอื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งท่าทีดังกล่าวบ่งชี้ว่านโยบายการค้าที่แข็งกร้าวของสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินต่อไป
สัปดาห์นี้ปัจจัยที่ต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ตัวเลขภาคบริการ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนส.ค ในวันศุกร์นี้ และสถานการณ์การเมืองในประเทศบ้านเรา
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 347.8 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,376 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.15/ขาย 32.45
* แนะนำ ซื้อ 37.65/ขาย 38.05
* แนะนำ ซื้อ 0.2176 / ขาย 0.2216
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 32.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
การเมืองในประเทศกดดันค่าเงินบาทอย่างหนัก ค่าเงินบาทและตลาดทุนไทยเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรงในช่วงเปิดตลาดเช้านี้ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองระลอกใหม่ และส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ไทยเพื่อลดความเสี่ยง โดยปัจจัยการเมืองในประเทศจะเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางของตลาดในสัปดาห์นี้
ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาตามคาด: กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ประจำเดือนก.ค. ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยขยายตัว 0.3% จากเดือนก่อนหน้า และ 2.9% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ทุกประการ ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด และยังคงสนับสนุนแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. ต่อไป
ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ: สถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยเฉพาะกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ และการแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 3,951 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 2,158 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.17/ขาย 32.47
* แนะนำ ซื้อ 37.55 /ขาย 37.95
* แนะนำ ซื้อ 0.2157 / ขาย 0.2197