สำนักวาติกันออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น อัปเดตอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว แต่ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต ส่วนอาการพระวักกะ(ไต)วายนั้น ไม่น่าเป็นห่วง หลังผลการตรวจเลือดก่อนหน้านี้ แสดงถึงอาการพระวักกะวายเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม พระองค์ยังทรงตื่นตัว รู้สึกพระองค์และมีการตอบสนอง ขณะนี้ได้รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเจเมลลี กลางกรุงโรม อิตาลี มาตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ด้วยการประชวรโรคนิวโมเนีย และการติดเชื้อปอดซับซ้อน
ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงไม่มีพระอาการของภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน และพระองค์ยังทรงมีพระสติสมบูรณ์ ทรงรับศีลมหาสนิท เมื่อช่วงเช้าเมื่อวานนี้ และทรงงานในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน พร้อมทั้งยังทรงแสดงความกังวลพระทัย ต่อสถานการณ์ในฉนวนกาซา นอกจากนี้ วาติกันยังได้เผยแพร่พระดำรัสของของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ระบุว่า “ข้าพเจ้าจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลีต่อไปด้วยความเชื่อมั่น การเดินหน้ารับการรักษาที่จำเป็นต่อไป และการพักผ่อนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาเช่นกัน”
บรรดาผู้นำศาสนาและผู้ศรัทธาจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่ออธิษฐานให้กับสมเด็จพระสันตะปาปาชาวอาร์เจนตินา ซึ่งปัจจุบันมีพระชนมายุ 88 พรรษา เพื่อสวดภาวนาขอให้พระองค์มีสุขภาพแข็งแรง โดยผู้คนรวมตัวกันที่พลาซ่าคอนสติทิวชัน ในกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงประกอบพิธีมิสซาเมื่อครั้งที่ยังทรงเป็นอาร์ชบิชอป
คาร์ลา ราเบซซานา ลูกพี่ลูกน้องของสมเด็จพระสันตปาปา วัย 93 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลปอร์ตาโคมาโร ในจังหวัดอัสตี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี กล่าวว่า ครอบครัวมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์ ทั้งนี้ ในระหว่างพิธีมิสซาเมื่อวันอาทิตย์ที่แมนฮัตตัน สหรัฐอเมริกา อาร์ชบิชอปแห่งนิวยอร์ก คาร์ดินัล ทิโมธี โดแลน กล่าวว่า พระสันตปาปาฟรานซิส “มีสุขภาพที่อ่อนแอมากและอาจใกล้จะเสียชีวิตแล้ว”
สมเด็จพระสันตปาปาองค์ที่ 266 แห่งคริสตจักรคาทอลิก ทรงเป็นประมุขแห่งนครวาติกันตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา พระองค์ทรงป่วยด้วยโรคปอดบวมรุนแรงเมื่อยังทรงพระเยาว์และทรงต้องทรงผ่าตัดปอดข้างหนึ่งออก พระองค์ต้องใช้รถเข็น ไม้ค้ำยัน หรือไม้เท้าในการช่วยเดิน เนื่องจากมีรายงานว่า พระวรกายทรงมีปัญหาเรื่องเข่าและเส้นประสาทไซแอติก และเมื่อไม่นานนี้พระองค์ยังทรงล้มอีกสองครั้ง ความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับคำถามเกี่ยวกับการนั่งเป็นประมุขคริสตจักรของพระองค์
หากพระสันตะปาปาฟรานซิสไม่สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปหรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพระสันตปาปาได้อีกต่อไป การเลือกตั้งพระสันตปาปาองค์ใหม่จะเกิดขึ้นตามกระบวนการประชุมแบบเดิม
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงขยายวาระการดำรงตำแหน่งของ จีโอวานี บาททิสทา เร ในฐานะพระคาร์ดินัลแห่งอิตาลีออกไป โดยบทบาทของพระคาร์ดินัลจะต้องทำหน้าที่เตรียมการประชุมลับที่พระคาร์ดินัลจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันในนครวาติกัน พวกเขาจะต้องลงคะแนนเสียงในโบสถ์ซิสติน เพื่อคัดเลือกพระสันตปาปาองค์ใหม่
แม้ว่าจะยังไม่มีการระบุชื่อผู้สืบทอดตำแหน่งที่ชัดเจน แต่ชายนิกายโรมันคาธอลิกที่รับบัพติศมาแล้วทุกคนก็มีสิทธิได้รับเลือกเป็นพระสันตปาปาได้ แม้ว่าตามธรรมเนียมแล้ว พระสันตะปาปาจะได้รับเลือกจาก คณะคาร์ดินัล มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1378 ทั้งนี้ มีการคาดเดาเกี่ยวกับพระคาร์ดินัลที่มีชื่อเสียงบางคนที่เข้าชิงตำแหน่ง
รายชื่อที่ได้รับความสนใจมีดังนี้
นอกจากนี้ยังมีพระคาร์ดินัลอื่น ๆ ที่อาจได้รับการพิจารณา ด้านเอ็ดเวิร์ด เพนติน ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำกรุงโรมของ National Catholic Register ได้ตีพมพ์หนังสือชื่อ "The Next Pope: The Leading Cardinal Candidates" ที่มีเนื้อหาคาดการณ์ว่าพระสันตะปาปาพระองค์ต่อไปจะเป็นใคร ได้ระบุรายชื่อของพระคาร์ดินัล 19 องค์ที่เขาคิดว่าเป็นตัวเต็ง ซึ่งในจำนวนนี้มีชาวอเมริกัน เช่น พระคาร์ดินัล ฌอน แพทริก โอ'มัลลีย์ อดีตอาร์ชบิชอปแห่งบอสตัน หรือพระคาร์ดินัล เรย์มอนด์ ลีโอ เบิร์ก ซึ่งเคยเป็นอาร์ชบิชอปแห่งเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรีมาก่อน