'ครีมกันแดด' น่าจะเป็น Must have item สำหรับใครหลายๆ คนที่จำเป็นจะต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับฝ้ากระ เหตุผลที่เราทาครีมกันแดด ก็เพื่อปกป้องผิวจากอันตรายจากรังสี UV ใช่ไหมครับ แต่ทราบไหมครับว่ากันแดดที่ดี นอกจากต้องมีประสิทธิภาพในการกันแดดแล้ว ยังต้องมีคุณสมบัติอีก 2 อย่างนั่นก็คือ "ความปลอดภัย" และ "สัมผัสที่ดีในการใช้" ด้วยครับ เพราะต่อให้ครีมกันแดดจะมีประสิทธิภาพดีขนาดไหน แต่ถ้าหากใช้แล้วแพ้ ทาแล้วเหนียวเหนอะหนะ ไม่สบายผิว ขาววอก หรือหน้ามันเยิ้มระหว่างวัน ก็คงไม่มีใครอยากใช้ใช่ไหมครับ
ถึงแม้ว่าคุณสมบัติหลักของครีมกันแดด ก็คือ ประสิทธิภาพในการกันแดด แต่ทว่า เวลานักวิจัยจะคิดค้นสูตรครีมกันแดดขึ้นมาสักสูตร เราจะไม่ได้คำนึงแค่ประสิทธิภาพในการกันแดดเพียงอย่างเดียวครับ แต่จะต้องพิจารณาหลาย ๆ สิ่งควบคู่กันไปด้วย ซึ่งมีทั้งหมด 3 อย่าง ได้แก่
1. ประสิทธิภาพในการกันแดด (Efficacy)
2. ความปลอดภัย (Safety)
3. สัมผัสในการใช้ (Feel and Texture)
หลายท่านอาจจะคิดว่า หากจะเลือกครีมกันแดดสักชิ้น ก็ต้องเน้นประสิทธิภาพสูง ๆ เอาไว้ก่อนจึงจะดี แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้นครับ เพราะครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการกันแดดสูงสุด อาจไม่ใช่ครีมกันแดดที่ดีที่สุดก็ได้ครับ
เหตุผลก็เพราะว่า ‘สารกันแดดทุกชนิด’ ในครีมกันแดด ไม่ว่าจะเป็นสารกันแดดชนิดไหน ไม่ได้มีแค่ข้อดีเพียงอย่างเดียวครับ แต่มีผลข้างเคียงต่อผิวหนังของทุก ๆ ท่านด้วย ไม่มากก็น้อยครับ เช่น อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบผิว หรืออาจมีโอกาสสูดดมเข้าไป และตกค้างอยู่ในระบบทางเดินหายใจก็เป็นได้ โดยเฉพาะสารกันแดดที่มีขนาดเล็กในระดับนาโนเมตร เป็นต้น
หากเราเลือกครีมกันแดดโดยเน้นประสิทธิภาพมากเกินที่ต้องการ ผิวก็อาจจะได้รับผลข้างเคียงมากเกินจำเป็น เราจึงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างประสิทธิภาพในการกันแดด กับความปลอดภัยในการใช้เสมอครับ (ชั่งน้ำหนักระหว่างประสิทธิภาพกับความปลอดภัยอย่างไร อ่านต่อได้ที่ https://www.amarintv.com/article/detail/21725)
นอกจากการชั่งน้ำหนักระหว่างประสิทธิภาพในการกันแดดกับความปลอดภัยในการใช้แล้ว รู้หรือไม่ครับว่า ครีมกันแดดที่มีค่า SPF เท่ากันนั้น อาจจะมีความเสี่ยงในการแพ้ และสัมผัสในการใช้ต่างกัน เพราะชนิดของสารกันแดด จำนวนชนิดของสารกันแดด และปริมาณของสารกันแดดที่ใช้ในสูตรอาจต่างกันครับ
ในมุมของนักวิจัยนั้น การจะได้มาซึ่งค่า SPF และ PA ที่ต้องการ เราทำได้หลายวิธีครับ เราอาจจะใช้สารกันแดด 2-3 ตัว แล้วใส่เยอะ ๆ หน่อย หรืออาจใช้ 6-10 ตัว แล้วใช้อย่างละนิดก็ได้ครับ แต่ต้องใช้สารกันแดดหลาย ๆ ชนิดผสมกัน ชนิดของสารที่ใช้ยิ่งเยอะ ความเสี่ยงในการแพ้ที่ก็จะยิ่งเยอะขึ้นตามไปด้วย แต่ข้อดีคือจะใช้ปริมาณของสารน้อยลง ทำให้ได้สัมผัสที่ดีในการใช้ครับ ตัวอย่างเช่น
หากใช้สารกันแดดเพียง 2-3 ชนิด จะมีข้อดี คือ เนื่องจากชนิดของสารมีน้อย โอกาสจะเกิดการแพ้แบบ Allergy ก็มีน้อย (การแพ้แบบ Allergy คืออะไร อ่านต่อได้ที่ https://www.amarintv.com/article/detail/14882) ซึ่งจะปลอดภัยต่อผู้ใช้มากกว่าเล็กน้อย แต่ข้อเสีย คือ จะต้องใส่ปริมาณเยอะ ๆ ทำให้สัมผัสในการใช้แย่ เช่น เหนอะหนะ เกลี่ยยาก ใช้แล้ววอก หรือมันเยิ้มระหว่างวัน เป็นต้นครับ
แต่ครั้นจะเพิ่มจำนวนสารที่ใช้ให้มากถึง 6-10 ชนิด เพื่อลดปริมาณสารที่ต้องใส่ในสูตร ให้ได้สัมผัสในการใช้ที่ดีกว่านี้ ผมคิดว่าอาจจะไม่คุ้มกับความเสี่ยงในการแพ้ที่มากขึ้น เนื่องจากชนิดของสารมากขึ้นนั่นเองครับ
ดังนั้น ทางสายกลางจึงเหมาะที่สุดครับ ใช้สารกันแดดไม่มากไม่น้อยเกินไป ประมาณ 4-5 ชนิด ความเสี่ยงในการแพ้ก็อาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเมื่อเทียบกับการใช้ 2-3 ชนิด แต่สามารถลดปริมาณสารที่ต้องใส่ในสูตรได้มากเลยทีเดียว ทำให้ได้สัมผัสในการใช้ที่ดี ไม่เหนอะหนะ เกลี่ยง่าย น่าใช้กว่ามากครับ
การจะเลือกครีมกันแดดสักชิ้น นอกจากจะพิจารณาเรื่องของประสิทธิภาพในการกันแดดแล้ว เรายังควรดูเรื่องของความปลอดภัย และสัมผัสในการใช้ควบคู่กันไปด้วยครับ เลือกใช้กันแดดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ลองดูครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารกันแดดไม่มากไม่น้อยไป ประมาณ 4-5 ชนิด และเลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อสัมผัสดี ๆ ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่มันเยิ้มระหว่างวัน เพราะเราจะได้รู้สึกอยากใช้ครีมกันแดดนั้นทุกวันครับ
----
นักวิจัยสกินแคร์คนไทย ประสบการณ์ทำงานในบริษัทเครื่องสำอาง Top 3 ของญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านสูตรสกินแคร์ให้กับแบรนด์สกินแคร์ทั้งในและต่างประเทศ และเป็นผู้ก่อตั้ง แบรนด์ AMT Skincare
อ่านประวัติผู้เขียนต่อ คลิก
จบทุกปัญหาผิว ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ฟรี!
AMT Skincare Official Line
แอดไลน์ @amtskincare หรือ คลิก
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กันแดด SPF ยิ่งสูงยิ่งดี จริงหรือ?
- 5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวคุณกำลังแย่!
Advertisement