SPF ในครีมกันแดดคืออะไร PA+, PA++, PA+++, PA++++ แตกต่างกันอย่างไร เลือกครีมกันแดดต้องซื้อแบรนด์ที่ SPF สูงๆ จริงหรือไม่
ปัจจุบันแสงแดดในประเทศไทยค่อนข้างแรงและส่งผลกระทบต่อสภาพผิวทำให้หมองคล้ำ เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ หลายคนจึงนิยมใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากความร้อนและมลภาวะ ซึ่งค่า SPF เป็นปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาเลือกครีมกันแดด
SPF (Sunburn Protection Factor) เป็นค่าที่วัดประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการป้องกัน การไหม้แดงของผิวจากรังสียูวีบี (UVB) โดยปกติยิ่งค่าสูงจะยิ่งทําให้เราอยู่กลางแดดได้นานมากขึ้นก่อนจะมีอาการผิวไหม้แดง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าโดยปกติเรายืนอยู่กลางแดด 10 นาทีแล้วผิวจะมีอาการไหม้แดง แต่ถ้าทาครีมกันแดด SPF 30 เราจะอยู่กลางแดดได้นานขึ้นเป็น 10x30 = 300 นาที ก่อนจะมีอาการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเรามักจะเห็นครีมกันแดดในท้องตลาดมีการบอกสรรพคุณถึงค่า PA ซึ่งมีตั้งแต่ PA+, PA++, PA+++, PA++++ ซึ่งหลายคนอาจจะยังสงสัยว่า PA คืออะไร แตกต่างกับ SPF หรือไม่ ขออธิบายง่ายๆ ดังนี้
ค่า PA ในครีมกันแดด คือ วิธีการวัดประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ที่เรียกว่า Persistent Pigment Darkening หรือ PPD และรายงานผลออกมาเป็นค่า PA โดย PA ย่อมาจาก Protection grade of UVA คือ ระดับการป้องกันจากรังสี UVA ไล่ระดับไปตั้งแต่ PA+ ถึง PA++++ เป็นค่าการป้องกัน UVA ริเริ่มโดยสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2006 ทำให้ผิวไม่เหี่ยวย่น รวมถึงช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังด้วย
• PA+ สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA มากกว่าผิวปกติ 2 เท่า
• PA++ สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA มากกว่าผิวปกติ 4 เท่า
• PA+++ สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA มากกว่าผิวปกติ 8 เท่า
• PA++++ สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA มากกว่าผิวปกติ 16 เท่า
เพราะฉะนั้น SPF และ PA จึงมีความแตกต่างกันตรงที่ ค่า SPF คือ ค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ระบุค่าความสามารถเป็นตัวเลข ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด ส่วน ค่า PA คือ ค่าระดับความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) ระบุค่าความสามารถเป็นจำนวนเครื่องหมายบวก (+) ปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ
จริงๆ แล้วไม่จำเป็นเพราะการเลือกใช้ครีมกันแดด ค่า SPF สูงแค่ไหน ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ชีวิตประจําวันของแต่ละคน
• SPF 10-15 ไม่โดนแดดเลย เหมาะกับคนที่ทำงานในร่มตลอดวัน
• SPF > 15 เหมาะกับคนทีที่มีกิจกรรมกลางแดดระหว่างวัน
• SPF >30 เหมาะกับคนที่อยู่กลางแจ้งมากๆ หรือ มิโรคกลุ่มแพ้หรือไวแสงแดด
นอกจากนี้ การใช้ครีมกันแดดยิ่งมีค่า PA สูง อาจส่งผลทำให้เกิดการตกค้าง ผิวเกินการระคายเคืองมากขึ้นได้ เพราะฉะนั้นควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA หรือ SPF ให้เหมาะกับกิจกรรมหรือสถานการณ์ในแต่ละวัน
• "ทาก่อน" ทาก่อนที่จะออกแดด 15-30 นาที
• "ทาหนา" เนื่องจากการป้องกันแดดจะมีประสิทธิภาพเต็มที่ถ้าทาหนาพอคือต้องใช้ปริมาณ 2 ข้อนิ้ว สําหรับหน้าและคอ หรือแบ่งทาทีละ 1 ข้อนิ้ว ซ้ำสองครั้ง
• "ทาซ้ำ" เนื่องจากครีมกันแดดจะถูกเหงื่อและการเสียดสี ชะล้างออกจากผิวหนังเมื่อเวลาผ่านไปดังนั้น ควรทาช่วงเช้า เที่ยง หรือทาทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หากมีเหงื่อมากหรือโดนน้ำบ่อย
ทั้งนี้ อย่าลืมว่าการใช้ครีมกันแดดไม่ใช่ว่าจะป้องกันแดดได้ทั้งหมด การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดระหว่างวันหรือใช้อุปกรณ์ป้องกันเช่น ร่ม หรือหมวกร่วมด้วย ก็จะช่วยปกป้องผิวคุณได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Advertisement