เดินหน้าสร้างปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่องสำหรับ GWM ภายหลังจากการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV เมื่อวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่ราคา 1,699,000 บาท โดยกวาดยอดจองพร้อมการชำระเงินมัดจำ 10,000 บาทรวมทั้งสิ้น 1,241 คัน ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง
ซึ่งการจองและชำระเงินมัดจำนี้ เริ่มคึกคักและแรงไม่มีแผ่วตั้งแต่เริ่มต้นการเปิดรับจองเพื่อรับส่วนลดพิเศษ 50,000 บาทภายใต้แคมเปญ ULTRA DEAL ครบ 300 คันภายใน 5 นาทีแรก สะท้อนความนิยมของ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ได้อย่างมีนัยสำคัญ และตอกย้ำความสำเร็จของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ อีกครั้ง
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เราขอขอบคุณการสนับสนุนอย่างท่วมท้นของผู้บริโภคชาวไทยที่มอบให้กับ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV รถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กที่มาแรงอีกหนึ่งรุ่นของแบรนด์ HAVAL ที่เข้ามาสร้างมาตรฐานและยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้กับผู้บริโภคชาวไทยไปอีกขั้น ซึ่ง All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ที่เรานำมาเปิดตัวในประเทศไทยนี้ ถือเป็นรุ่นที่ดีที่สุดของ HAVAL H6 PHEV ของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่เรามุ่งมั่นนำมาให้คนไทยได้สัมผัสเป็นที่แรกของโลก โดยรถยนต์รุ่นนี้เคยสร้างกระแสการตอบรับที่ดีเยี่ยมมาแล้วจากการเผยโฉมครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา การันตีด้วยยอดจองสิทธิ์จากแคมเปญ ULTRA DEAL กว่า 7,000 สิทธิ์ และมียอดจองพร้อมชำระเงินมัดจำสูงถึง 1,241 คันภายในเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการ โดยสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ สีขาว สีเทา และสีดำ ซึ่งความสำเร็จนี้นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่สำคัญสำหรับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการครองใจผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และจะยังคงสานต่อพันธกิจในการยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้าภายใต้แนวทางการดำเนินงานที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) เราเชื่อมั่นว่า All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV จะมอบการขับขี่ที่สุกสนาน ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของทุกครอบครัว พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์และขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่การเป็นสังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในท้ายที่สุด”
GWN ประกาศราคาจำหน่ายของ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ภายใต้นโยบาย “ONE PRICE” ซึ่งจะเป็นราคาเดียวกันในทุกช่องทางการจำหน่ายทั่วประเทศอยู่ที่ 1,699,000 บาท และจะเริ่มทยอยส่งมอบรถล็อตแรกในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยผู้ที่จองสิทธิ์ ULTRA DEAL ในระหว่างวันที่ 17 กันยายน 2565 เวลา 00.00 น. ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 18.00 น. และชำระเงินมัดจำจำนวน 10,000 บาท หลังจากการประกาศราคาอย่างเป็นทางการจำนวน 300 ท่านแรกจะได้รับส่วนลดในการซื้อรถยนต์ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV มูลค่า 50,000 บาท โดยบริษัทฯ จะยึดเวลาที่ทำการจ่ายเงินมัดจำสำเร็จเป็นหลักในการมอบสิทธิ์พิเศษนี้ให้กับลูกค้า ซึ่งถ้าลูกค้าท่านใดทำการสละสิทธิ์หรือถอนการจองภายหลัง จะไม่สามารถกลับมารับสิทธิ์ได้ใหม่ และทางบริษัทฯ จะไม่มีการเพิ่มรายชื่อลูกค้าท่านอื่นในลำดับถัดไปเข้ามาทดแทน
สำหรับผู้ที่ต้องการสั่งจอง All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV หลังจากช่วงประกาศราคาอย่างเป็นทางการ คือตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม เวลา 20.00 น.จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ผ่านทาง GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH เกรท วอลล์ มอเตอร์ มอบสิทธิพิเศษกับแคมเปญ PREMIERE DEAL อาทิ
• ดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25%
• ฟรี ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี
• ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมการติดตั้งในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 20 เมตร (จากตู้เมน) จำนวน 1 ครั้ง (ไม่รวมค่าแท่นชาร์จ)
• แพ็คเกจค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง (GWM Pro Service Inclusive - GPSI) สูงสุด 10 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
• บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง ฟรี 5 ปี เป็นต้น
รวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้แคมเปญ PREMIERE DEAL กว่า 167,000 บาท นอกจากนี้ ยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี Plug-in Hybrid เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร อีกด้วย
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลและอ่านรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับแคมเปญ PREMIERE DEAL สำหรับรถยนต์ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH หรือ GWM Application หรือ Official Facebook Page : GWM Thailand และ HAVAL Thailand และสามารถติดต่อขอลงทะเบียนทดลองขับได้ที่ GWM Partner Store ทั่วประเทศ (ในเฟสแรก) ตามสาขาที่ท่านได้ทำการจองรถไว้ โดยเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถลงทะเบียนและทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 8 -16 ตุลาคม 2565 และต่างจังหวัดตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2565 ถึง 7 พฤศจิกายน 2565
All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV เป็นรถยนต์รุ่นที่ 5 ที่ GWM เลือกนำมาเปิดตัวในประเทศไทยภายใต้ Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 9 รุ่นภายใน 3 ปี ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5L Turbo ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร ผนวกกับแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary ความจุ 34 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 201 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง DC (0% - 80%) โดยใช้เวลาประมาณ 35 นาที และการชาร์จด้วยไฟบ้าน AC (0% - 100%) ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่มากถึง 8 แบบ จาก 2 ระบบ ได้แก่ ระบบการขับขี่แบบไฮบริด (โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดสภาพถนนลื่น) และระบบการขับขี่แบบไฟฟ้า (โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดสภาพถนนลื่น)
มาพร้อมสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา สีน้ำเงิน และสีแดง มิติตัวรถขนาดกว้างขวาง ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Star Matrix ไฟหน้า Intelligent LED Headlamp หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค 360 องศา สปอยเลอร์ท้ายและเสาอากาศแบบ shark fin พร้อมระบบประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าและระบบแฮนด์ฟรี เสริมด้วยไฟท้าย LED Taillight Strip เป็นแนวยาว และล้ออัลลอยลายสปอร์ตขนาด 19 นิ้ว
ขณะที่ภายในชูแนวคิด Minimalist ที่เน้นความกว้างขวาง สะดวกสบาย และใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยคอนโซลหน้าทูโทนสีดำ-เทาสไตล์ Futuristic และครบครันด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมายในระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น หน้าจออัจฉริยะ 3 จอเพื่อการเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบระบายอากาศ เบาะนั่งโดยสารด้านหลังพร้อมที่เท้าแขนกลาง แท่นชาร์จไร้สาย กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start รวมไปถึงฟังก์ชันอัจฉริยะมากมาย อาทิ ระบบการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ระบบการสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ การเชื่อมต่อและควบคุมควบคุมผ่าน GWM Application ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ (IIP) ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) และระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) เป็นต้น