ทาง MG ได้จัดกิจกรรม EV Family Trip โดยเป็นการวิ่งจาก กทม.-สระบุรี-เขาใหญ่-กทม. เป็นการเปิดโอกาสให้ทางสื่อมวลชน รวมทั้งนักข่าวสายยานยนต์ได้สัมผัสกับการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า MG Maxus 9 และ MG ES เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ไม่นับรวมการลองขับลองนั่งช่วงสั้นๆ ในงาน Motor Show ล่าสุดที่ผ่านมา เพราะครั้งนั้นเป็นเพียงการลองในสนามทดสอบเพียงเล็กน้อย (คลิปทดลองขับ MG Maxus 9 และ MG ES)
สำหรับ MG ได้เริ่มเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 2562 ด้วยการเปิดตัว MG ZS EV ก่อนที่จะเปิดรุ่นอื่นๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ MG ZS EV, MG EP, MG4 Electric และ 2 รุ่นล่าสุด MG ES กับ MG Maxus 9 ถ้ามองถึงจำนวนรถไฟฟ้าค่าย MG ที่ทำการส่งมอบไปแล้วนับตั้งแต่ปี 2562 จะพบว่ามันมีจำนวนกว่า 10,000 คันเข้าไปแล้ว
สำหรับ MG EV Family Trip จะมีการนำรถยนต์ในตระกูลไฟฟ้าของ MG ทุกรุ่น (ยกเว้น MG EP) มาให้ได้เห็นกับแบบครบๆ คล้ายจะเป็นการทบทวนความจำถึงความเป็นมาของรถยนต์ไฟฟ้า MG ก็ว่าได้ แต่สำหรับการทดลองขับนั้น เราจะได้ทำการทดลองขับด้วยกัน 2 รุ่น ก็คือ MG Maxus 9 และ MG ES
MG Maxus 9 ถือเป็นรถตู้แบบหรู หรือ MPV 7 ที่นั่ง ที่เป็นพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกอย่างเป็นทางการในประเทศไทยก็ว่าได้ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของรถยนต์พลังงงานไฟฟ้าในกลุ่มนี้ (สเปค MG Maxus 9) ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ต้องบอกว่ามันเป็นรถที่มีขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่จนดูเทอะทะหรือเกะกะเกินไปในขณะขับขี่ เมื่อรวมกับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ทำให้รถมีพละกำลัง และแรงบิดมาในรอบต่ำ ยิ่งทำให้มันกลายเป็นรถตู้ที่มีความคล่องตัวในระดับที่ดีเลยทีเดียว
ที่นั่งตอนหลังของ MG Maxus 9 ต้องบอกว่ามันคือไฮไลท์สำคัญของรถรุ่นนี้ก็คงไม่ผิด เนื่องจากรถกลุ่มนี้ส่วนมากจะเน้นใช้งานในพื้นที่โดยสารเป็นหลัก อุปกรณ์ความสะดวกสบายมีมาให้ค่อนข้างครบครัน พื้นที่กว้างขวาง เรียกได้ว่าที่นั่งตอนหลังคือเหยียดยืดขาได้แทบสุดเลยทีเดียว เบาะนั่งแบบนวดได้ วัสดุในงานประกอบถือว่าเป็นเกรดพรีเมียม มีผิวสัมผัสที่ดีทีเดียว แต่สำหรับการตกแต่งในที่นั่งตอนหน้า แผงคอนโซล ผมยังมองว่าเป็นการออกแบบที่ไปทางทันสมัยเสียมากกว่า จึงทำให้ลดทอนความหรูหราลงไปไม่น้อย เนื่องจากทาง MG เน้นดีไซน์ให้ดูโปร่งและเรียบง่าย อันนี้เลยต้องบอกว่าแล้วแต่มุมมองจริงๆ แต่ส่วนตัวผมอยากให้มันหรูหราขึ้นกว่านี้อีกหน่อยในส่วนของตำแหน่งผู้โดยสารตอนหน้า
กลับมาที่ MG ES รถ Station Wagon ทรงโดนใจพ่อบ้าน (สเปค MG ES) เป็นรถที่ต่อยอดความสำเร็จมาจาก MG EP แน่นอนมันจึงมีหลายๆ ส่วนที่ยังมี DNA ของ MG EP หลงเหลือให้ได้เห็น แต่สำหรับ ระบบการขับเคลื่อน รวมถึงระบบระบายความร้อน และเกียร์ มีการปรับเปลี่ยนใหม่ ดีไซน์ภายในห้องโดยสารยกออกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม สัมผัสแรกที่ได้ขับ หลังจากผมได้ขับ Maxus 9 มาก่อนหน้านี้ เรียกว่าขับอีกคันแล้วกระโจนขึ้นขับอีกคันแบบต่อเนื่อง ทำให้เห็นถึงความแตกต่างแบบชัดเจน MG ES มีความกระชับ คล่องตัว ปราดเปรียวกว่าแบบคนละอารมณ์ แต่ความนุ่มนวลคงต้องยกให้ กับเจ้า MPV ไฟฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ตัวรถทรงพ่อบ้าน เป็นรถทรงที่กระแทกใจผมเป็นทุนเดิม เลยทำให้มองว่า MG ES มันเป็นรถที่ค่อนข้างดีไซน์ลงตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับ MG EP แต่สำหรับฟีลลิ่งของการขับนั้น จุดนึงที่ผมสัมผัสได้ นอกจากความคล่องตัว ช่วงล่างที่พอไหวกับความไวของพละกำลัง กลับเป็นเบาะนั่งที่ผมอยากให้ตัวพนักรองต้นขายาวขึ้นอีกสักนิด เราจะพบว่าพนักรองขาทั้งเบาะหน้าและเบาะหลัง มีนิสัยเดียวกันเปะ คือสั้นๆ ไปหน่อย ถ้ายาวขึ้นอีกนิดน่าจะรองรับสรีระได้ยอดเยี่ยมกว่านี้ สำหรับรีวิวทั้ง 2 รุ่นแบบเต็มลองไปรับชมกัน คลิปทดลองขับ ครับ