งูสวัด โรคตุ่มน้ำใส กำเริบได้เมื่อภูมิต่ำ โรคที่เหมือนแต่ต่างจาก เริม

13 ส.ค. 67

งูสวัด หนึ่งในโรคตุ่มน้ำใส พัฒนาจากโรคอีสุกอีใส กลุ่มคนทำงานขาดการพักผ่อนอาจเกิดการกำเริบได้ รอยโรคที่คล้ายคลึงแต่ต่างจาก เริม

เมื่อพูดถึงอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นได้บ่อยในประเทศไทย อาการดังกล่าวอาจหนีไม่พ้น งูสวัด หนึ่งในอาการป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่วัยทำงาน โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เวลาทำงานเยอะ มีความเครียดเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว โดยตัวแปรหนึ่งที่ชัดเจนที่อาจทำให้เกิดรอยโรคนี้ได้ก็คือ การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา

งูสวัด เป็นโรคติดเชื้อทางผิวหนัง มักเกิดกับผู้ป่วยที่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนในตอนเด็ก เมื่อหายแล้วไวรัสจะยังซ่อนตัวอยู่ในปมประสาท โดยที่จะแสดงอาการอีกครั้งเมื่อร่างกายอ่อนแอ ซึ่งสามารถเกิดความเสี่ยงได้กับอดีตผู้ป่วยทุกราย ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้สูงอายุเท่านั้น ถึงจะมีความเสี่ยงในการเป็นงูสวัด

pic2

โรคงูสวัด เกิดจากอะไร
งูสวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (Varicella zoster virus: VZV) ที่เมื่อติดเชื้อครั้งแรกจะทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส หลังจากหายแล้วไวรัสที่ก่อรอยโรคจะซ่อนตัวในปมประสาท และจะแสดงอาการอีกครั้งเมื่อพูมิต่ำ โดยแพร่ะกระจายไปตามประสาทรับความรู้สึก จนทำให้เส้นประสาทอักเสบ และปล่อยเชื้อไวรัสออกมาตามผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นตามแนวเส้นประสาท

อาการ โรคงูสวัด
โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยโรคงูสวัด จะมีอาการที่แบ่งออกได้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเริ่มมีอาการ, ระยะออกผื่น และระยะฟื้นหายจากโรค โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนัง จากนั้น 2-3 วันจะมีผื่นแดงขึ้นบริเวณดังกล่าว ก่อนที่ตุ่มนั้นจะเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำใส เปลี่ยนสภาพกลายเป็นแผลและตกสะเก็ดหายได้เองใน 2 สัปดาห์

ถึงแม้ต้นตอการป่วยโรคงูสวัด จะมีสาเหตุมาจากเชื้อโรคเดียวกันกับอีสุกอีใส แต่มีความอันตรายมากกว่าเท่าจัว เพราะหากงูสวัดเกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นเส้นประสาทอันตราย อาจทำให้เกิดอาหารแทรกซ้อนอื่น เช่น งูสวัดเกิดบริเวณเส้นประสาทตา อาจทำให้เกิดการตาบอดหรือเยื้อหุ้มสมองอักเสบได้

อาการแทรกซ้อน โรคงูสวัด

  1. ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย เช่น การปวดเรื้อรังตามแนวเส้นประสาท สามารถพบได้บ่อยในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
  2. ภาวะแทรกซ็อนอื่น เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม ตาอักเสบ แผลที่กระจกตา
  3. ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ส่งผลถึงสมอง หรือปอดอักเสบ ซึ่งสามารถพบได้น้อย
  4. ภาวะแทรกซ้อนในผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิ โรคงูสวัดอาจสร้างความรุนแรงกับโรคประจำตัว

 

กลุ่มเสี่ยง โรคงูสวัด

  • ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี
  • ผู้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
  • ผู้ป่วยใช้ยาที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว

pic1

ความแตกต่างระหว่าง อีสุกอีใส งูสวัด เริม
ในผู้ป่วยที่มีอาการป่วยด้วยโรคที่มีอาการเป็นตุ่มน้ำใส ปวดแสบปวดร้อน เจ็บ หรือคันบริเวณดังกล่าว มี 3 โรคที่มีความคล้ายคลึงกัน ได้แก่ อีสุกอีใส งูสวัด และ เริม ทั้งในแง่ของรอยโรคและอาการ ซึ่งโรคทั้ง 3 ชนิด เกิดจากไวรัสในกลุ่ม HerpesFamily ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดอาการคล้ายกัน

  • อีสุกอีใส : เกิดผื่นหรือตุ่มน้ำใสตามร่างกาย เกิดขึ้นครั้งเดียวและไม่เป็นซ้ำอีก แต่อาจพัฒนาเป็นงูสวัดในอนาคตได้ มักพบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี
  • งูสวัด : เกิดผื่นหรือตุ่มน้ำบริเวณเอว แขน ขา หรือใบหน้า มักเรียงเป็นกลุ่มหรือแถวตามแนวเส้นประสาท มักหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
  • เริม : เกิดตุ่มน้ำใสบริเวณปาก หรืออวัยวะเพศ ตุ่มน้ำจะแตกและตกสะเก็ด ในครั้งแรกที่ได้รับเชื้ออาจมีอาการ 2-6 สัปดาห์ และเมื่อเป็นแล้วจะไม่สามารถหายขาด เป็นแล้วเป็นซ้ำได้อีก 3 ครั้งภายในหนึ่งปี มักมีอาการในบริเวณฌดิมหรือมกล้เคียงบริเวณเดิม

 

งูสวัดพันรอบตัว จะทำให้เสียชีวิตจริงหรือไม่
ความเชื่อเรื่องงูสวัดพันรอบตัว จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตไม่เป็นความจริง เพราะผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการป่วยขึ้นพร้อมกันได้ 2 ด้าน ทั้งซ้ายและขวาจนเหมือนโดนพันรอบตัว

ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคงูสวัดส่วนใหญ่ เกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ร่วมกันกับภาวะแทรกซ้อนอื่น ซึ่งการติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม HerpesFamily มีโอกาสที่จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ในเวลาต่อมา แต่ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวมักพบในกลุ่มผู้แวยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวในการใช้ยากดภูมิ

เพื่อไม่ให้เกิด โรคงูสวัด การพักผ่อนให้เพียงพอ ร่วมกับการเลี่ยงการสัมผัสผื่นใดก็ตามจากผู้ป่วยอื่น เพราะการสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้ออาจทำให้เป็นต้นเหตุของการเกิดรอยโรคได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่เคยมีประวัติเป็นอีสุกอีใส หากพบว่าตนเองมีตุ่มใสขึ้นตามผิวหนังในเวลากลางคืน เมื่อตื่นแล้วรู้สึกถึงตุ่มน้ำหรือปวดบริเวณดังกล่าว ให้ต้องสงสัยว่าเป็นโรคงูสวัดไว้ก่อน และรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

 

ที่มา : โรงพยาบาลศิริราช (siphhospital.com) / โรงพยาบาลพญาไท (phyathai.com) / บทความเรื่องความแตกต่างระหว่างโรคเริม งูสวัด อีสุกอีใส โดย ภญ.อรพรรณ สุวรรณประดิษฐ์ (Herpes Zoster.pdf)

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ไลฟ์สไตล์ ล่าสุด