เบนท์ลีย์ เปิดตัว New Flying Spur Speed ซูเปอร์คาร์ 4 ประตูรุ่นแรก

20 ก.ย. 67

Bentley เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว New Flying Spur แกรนด์ทัวเรอร์ระดับซูเปอร์คาร์แบบสี่ประตูใหม่ เป็นเจเนอเรชันที่ 4 และถือเป็น 4-door Supercar รุ่นแรกหลังจากที่รุ่น Flying Spur ได้เคยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับแบบ 4 ประตูสมรรถนะสูงมาเกือบสองทศวรรษ

Bentley New Flying Spur Speed

  • Flying Spur เจเนอเรชันที่ 4 ซูเปอร์คาร์แบบสี่ประตูรุ่นแรกสมรรถนะดีที่สุดของเบนท์ลีย์
  • ขุมพลัง 782 แรงม้า 1,000 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์แบบ Ultra Performance Hybrid ใหม่ พร้อมขับเคลื่อนแกรนด์ทัวเรอร์ระดับซูเปอร์คาร์
  • อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรภายใน 3.5 วินาที
  • พิสัยการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้ากว่า 76 กิโลเมตร พร้อมอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 33 กรัม ต่อ กิโลเมตร ให้ระยะการเดินทางรวมกว่า 829 กิโลเมตร
  • แชสซีส์แบบแอ็คทีฟ Bentley Dynamic Ride และระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อ
  • ภายนอกใหม่ด้วยกระจังหน้า กันชน ดิฟฟิวเซอร์ ล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว และชุดแต่งโทนเข้ม
  • ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับเบาะโดยสารปักลวดลายเพชร Precision Diamond ใหม่ และลวดลายเพชรขึ้นรูปแบบ 3 มิติ Precision 3D บริเวณแผงประตูและเสา B
  • เบาะโดยสารแบบ Wellness ใหม่ พร้อมระบบปรับท่าทางและปรับอุณหภูมิอัตโนมัติสำหรับทั้ง 4 ที่นั่ง
  • ระบบไฟฟ้าใหม่ทั้งหมดเข้ากับเทคโนโลยีใหม่การขับขี่ดีขึ้น
  • สมรรถนะที่ดีกว่ารุ่น W12 Speed ก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็นแรงบิด พละกำลัง อัตราเร่ง และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  • สร้างโดยช่างฝีมือ ณ Bentley’s Dream Factory เมืองครูว์ มาพร้อมตัวเลือกการออกแบบ

เปิดสั่งจอง New Flying Spur Speed เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอสำหรับการสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่น New Flying Spur Speed ราคาเริ่มต้นที่ 25.5 ล้านบาท รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี

Bentley New Flying Spur Speed
การออกแบบภายนอก

แม้ว่าการออกแบบภายนอกยังใช้ดีไซน์เดิมแบบในรุ่น Flying Spur เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งเปิดตัวในปี 2562 ได้เป็นอย่างดี พัฒนาด้วยการใช้สีโทนเข้มดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยกระจังหน้า กันชนหน้า ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบใหม่เฉพาะรุ่น Speed ที่​​สร้างรูปลักษณ์ใหม่ชัดเจนขึ้น และชุดแต่ง Styling Specification แบบแอโรไดนามิกในเฉดสีเดียวกับตัวถัง พร้อมกับตัวเลือกเฉดสีคาร์บอนไฟเบอร์

มีระบบเสียงให้เลือก 3 ระบบ อย่างระบบมาตรฐานมีลำโพง 10 ตัวและกำลังไฟ 650 วัตต์ ระบบเครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ประกอบด้วย 16 ลำโพงพร้อมตะแกรงลำโพงเรืองแสง และระบบเครื่องเสียงจาก Naim 2,200 วัตต์ 19 ลำโพง พร้อม Active Bass Transducers ที่ติดตั้งในเบาะโดยสารด้านหน้าและโหมดเสียง 8 โหมด กระจกอะคูสติกแบบลามิเนตที่ติดตั้งบริเวณกระจกหน้ารถและกระจกข้างช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกลง 9 เดซิเบลเมื่อเทียบกับกระจกแบบธรรมดา

ล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วแบบ Ten Swept Spoke ใหม่ มีให้เลือก 2 เฉดสี สีเทา-เงิน และเฉดสีดำ พร้อมด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วอีก 2 แบบที่มีให้เลือกในเฉดสีดำ สีเข้ม และเฉดสีบรอนซ์เงิน Pale Brodgar แบบเคลือบซาติน

Bentley New Flying Spur Speed
การออกแบบภายใน

ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ออกแบบเบาะโดยสารใหม่ทั้งหมด มีการเย็บลวยลายเพชรแบบ 3 มิติและรูปแบบรอยปรุ ออกแบบใหม่ในส่วนตรงกลางของเบาะโดยสาร Tactile Precision บริเวณด้านในของประตูห้องโดยสารและเสา B ตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุสีบรอนซ์เข้ม มีการตกแต่งด้วยโครเมียมสีเข้ม ยังนำมาใช้กับบริเวณมือจับประตู สวิตช์ ตะแกรงลำโพง และบริเวณอื่นๆ อีกรอบห้องโดยสาร พร้อมด้วยกราฟิกมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ใหม่ Bentley Rotating Display มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว หน้าปัดอนาล็อก 3 หน้าปัด และแผงไม้วีเนียร์เป็นตัวเลือกเพื่อเติม

การขึ้นรูปเพชรแบบ 3 มิติบริเวณแผงประตูและเสา คุณสมบัติแบบ Wellness เพิ่มเติม อาทิ ระบบกรองอากาศด้วยการสร้างไอออนในอากาศอัจฉริยะ และตัวเลือกการปรับอัตโนมัติบนเบาะโดยสารทั้ง 4 ที่นั่ง

ไฟต้อนรับแบบ LED รุ่นใหม่ที่ติดตั้งใต้ประตูห้องโดยสาร ซึ่งจะแสดงโลโก้ Bentley Wings แบบเคลื่อนไหวได้ลงบนพื้นเวลาเปิดประตูหน้า ด้วยการใช้เทคโนโลยี “Light Sculpture” ที่เคยมีการใช้งานเป็นครั้งแรกในรุ่น Batur จาก Bentley Mulliner

Bentley New Flying Spur SpeedBentley New Flying Spur SpeedBentley New Flying Spur Speed

ขุมพลังใหม่ Ultra Performance Hybrid

Flying Spur ใหม่เปิดตัวในรุ่น Speed รุ่นย่อยที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่จากขุมพลังแบบ Ultra Performance Hybrid ใหม่ที่จะมอบพละกำลังและประสิทธิภาพในการขับขี่ ตัวรถมอบความเงียบสงบในโหมด EV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลกว่า 76 กิโลเมตร ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในพื้นที่ปลอดมลพิษหรือการเดินทางในเมือง โดยตัวรถมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า Flying Spur Speed ​​รุ่นก่อนถึง 90% เครื่องยนต์รุ่น V8 แบบไฮบริดที่มอบพละกำลังรวมกว่า 782 แรงม้า มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 147 แรงม้ายังทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อส่งมอบประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงในเวลาเพียง 3.5 วินาที

ขุมพลัง Ultra Performance Hybrid ของ Flying Spur Speed ผสานการทำงานของเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 600 แรงม้าเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 190 แรงม้าและระบบเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีดได้อย่างแนบเนียน โดยในโหมดสปอร์ตขุมพลังสมรรถนะสูงกำลังจะส่งมอบพละกำลังเต็มสูบที่ 782 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร โดยแรงบิดแบบฉับพลันของมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเสริมจังหวะการขับเคลื่อนแบบครอสเพลนอันเป็นเสน่ห์ของเครื่องยนต์รุ่น V8 เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Speed ​​ก่อนหน้า Flying Spur Speed ​​รุ่นใหม่ให้แรงบิดที่สูงขึ้นจากความเร็วเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า และตลอดช่วงรอบของเครื่องยนต์ 

Flying Spur Speed ใหม่มาพร้อมกับแรงบิด 1,000 นิวตันเมตร (738 ปอนด์-ฟุต) เพิ่มขึ้นมากกว่า 11% เมื่อเทียบกับ Flying Spur Speed เครื่องยนต์รุ่น W12 ที่มีแรงบิด 900 นิวตันเมตร พละกำลังยังเพิ่มขึ้น 19% จาก 659 แรงม้าเป็น 782 แรงม้า ทำให้ Flying Spur Speed ใหม่เป็นอัครยนตรกรรมแบบซีดานที่ทรงสมรรถนะที่สุดของเบนท์ลีย์

เครื่องยนต์รุ่น V8 ใหม่ พละกำลัง 600 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ปราศจากระบบสุญญากาศแบบเดิม และแรงดันการฉีดเชื้อเพลิง 350 บาร์ (เพิ่มจาก 200 บาร์) ช่วยให้การเผาไหม้สะอาดขึ้นและปล่อยไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยลดอาการหน่วงของเทอร์โบ พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์สโครลเดี่ยวคู่จะช่วยลดความซับซ้อนและทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อลดการปล่อยไอเสีย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ปิดการทำงานของกระบอกสูบ เนื่องจากระบบจะสามารถปิดเครื่องยนต์ได้ทั้งหมดเมื่อมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า

ในโหมดไฟฟ้า (EV) E-motor จะให้พละกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการขับขี่ในเมือง ในขณะที่แบตเตอรี่ขนาด 25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงสามารถเดินทางได้สูงสุด 76 กิโลเมตรด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งเมื่อรวมระบบส่งกำลัง V8 และ E-motor จะทำให้ Flying Spur ใหม่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 829 กิโลเมตร โดยในโหมดไฟฟ้า (EV) แบบเต็มรูปแบบสามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงด้วยการใช้งานคันเร่ง 75% สำหรับแบตเตอรี่สามารถชาร์จจนเต็มได้ภายในเวลาเพียง 2¾ ชั่วโมงจากการพัฒนาของเครื่องชาร์จและความจุแบตเตอรี่ด้วยกำลังชาร์จสูงสุด 11 กิโลวัตต์

ระบบส่งกำลังสามารถจัดการการไหลเวียนของพลังงานโดยขึ้นอยู่กับโหมดที่เลือกดังนี้ โหมดพลังงานไฟฟ้า (EV), โหมดการเพิ่มพละกำลังไฟฟ้า, โหมดการเบรกแบบสร้างพลังงาน และโหมดการชาร์จที่เครื่องยนต์จะขับเคลื่อนล้อและชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกัน

Bentley New Flying Spur SpeedBentley New Flying Spur Speed

ระบบช่วงล่าง

ระบบช่วงล่าง Bentley Performance Active Chassis ถือเป็นคุณสมบัติมาตรฐานในรุ่น Flying Spur Speed ใหม่ พร้อมด้วย​คุณสมบัติที่ล้ำสมัยอื่นๆ ได้แก่ Bentley Dynamic Ride และ All-Wheel Steering พร้อมด้วยเฟืองท้ายแบบ Limited Slip Differential ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ควบคุม ESC รุ่นใหม่ช่วยให้เข้าถึงรูปแบบการขับขี่ได้อย่างหลากหลาย และให้การยึดเกาะพื้นถนนในทุกสภาพถนน การกระจายน้ำหนักเน้นไปทางด้านหลังที่ 48.3 : 51.7 ระบบช่วงล่างและ ESC มีแพลตฟอร์มที่ปรับความสมดุล ระบบนี้ใช้การกระจายแรงบิดแบบแอคทีฟจากด้านหน้าไปด้านหลังผ่านเฟืองกลาง และการกระจายแรงบิดอผ่านแต่ละเพลาโดยใช้เบรก

ระบบกันสะเทือนแบบวาล์วคู่แบบใหม่ช่วยให้ควบคุมการหน่วง การคืนตัว และการยุบตัวแยกจากกันได้ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถแยกความรู้สึกในด้านไดนามิกระหว่างโหมด Comfort, Bentley และ Sport ได้อย่างชัดเจน การควบคุมตัวถังในโหมด Sport ในแบบรุ่นก่อนหน้ายังคงเช่นเดิม ในขณะที่ความสะดวกสบายในการขับขี่ในโหมด Comfort ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น

Bentley New Flying Spur SpeedBentley New Flying Spur Speed

เทคโนโลยีความสะดวกสบาย

Flying Spur Speed ​ เจเนอเรชันที่ 4 มาพร้อมกับระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด เทคโนโลยีอินโฟเทนเมนต์และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และการเชื่อมต่อภายในห้องโดยสาร

นับเป็นครั้งแรกสำหรับ Flying Spur ที่มาพร้อมกับตัวเลือกในการติดตั้ง Wellness Seating Specification สำหรับเบาะโดยสารทั้ง 4 ที่นั่ง ซึ่งตัวเลือกพิเศษนี้ประกอบไปด้วยระบบปรับอุณหภูมิและปรับท่าทางบนเบาะโดยสารแบบอัตโนมัติ โดยระบบจะตรวจวัดและรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เหมาะสมด้วยการปรับอุณหภูมิ ระบายอากาศแบบแบ่งโซน และปรับแรงกดบนกล้ามเนื้อของผู้โดยสารเพื่อลดความเมื่อยล้าขณะเดินทาง

จอแสดงผลสภาพแวดล้อมบริเวณแผงหน้าปัดของผู้ขับขี่ สามารถเปิดใช้งานการขับขี่ในโหมดกึ่งช่วยเหลือ โดยระบบจะแสดงให้ผู้ขับขี่เห็นว่าตัวรถตอบสนองต่อรถคันอื่นอย่างไร โดยการที่รถยนต์สามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมโดยรอบทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ซึ่งเป็นระบบจอดรถยนต์แบบอัตโนมัติรุ่นล่าสุด พร้อมระบบควบคุมความเร็วได้

การยกระดับเวลเนสและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยระบบปรับอากาศที่มาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศไอออนไนเซอร์ ตัวกรองอนุภาคใหม่ และหน้าจอแสดงผลคุณภาพอากาศภายนอกและภายในห้องโดยสาร ซึ่งระบบเหล่านี้ยังช่วยปรับให้ระบบทำงานประสานกับระบบนำทางด้วยดาวเทียมของรถ ทำให้ทราบว่าจำเป็นต้องปรับคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารหรือไม่ (เช่น การหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารเมื่ออยู่ในอุโมงค์)

นอกเหนือจากตัวเลือกเฉดสีกว่า 101 เฉดสี ยังสามารถเลือกเฉดสีเดิมของเบนท์ลีย์ และเฉดสีพิเศษตามความต้องการ ภายในห้องโดยสารมีตัวเลือกสีหนังหลัก 22 สี สีรอง 11 สี และรูปแบบสีอีก 4 รูปแบบ หนังสามารถจับคู่เฉดสีได้มากกว่า 700 รูปแบบ พร้อมตัวเลือกรูปแบบการเย็บตะเข็บแบบตัดกัน การเดินด้าย หนังยังมาพร้อมกับรูปแบบการตกแต่งพร้อมกับตัวเลือกวีเนียร์ 8 แบบ และการตกแต่งทางเทคนิคอีก 3 แบบ สามารถเลือกตกแต่งแบบเดี่ยวหรือแบบคู่ และยังสามารถเลือกเฉดสีให้เข้ากับเฉดสีหนังภายในหรือภายนอกได้เช่นกัน 

Bentley New Flying Spur SpeedBentley New Flying Spur Speed

ผู้สนใจสามารถเลือกรูปแบบการออกแบบตามต้องการได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด LINE Official Account: @bentleybangkokaas

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม