Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ดูแลรักษาระบบแอร์รถยนต์ในยุคฝุ่น PM2.5

ดูแลรักษาระบบแอร์รถยนต์ในยุคฝุ่น PM2.5

5 ก.พ. 68
17:00 น.
|
53
แชร์

ช่วงนี้ฝุ่น PM2.5 มีปริณมาณสูงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รถยนต์หลายรุ่นในปัจจุบันมีตัวกรองฝุ่นที่เล็กกว่า 0.3 ไมครอน ซึ่งสามารถกรองฝุ่น pm2.5 ได้ แต่รถยนต์รุ่นเก่าที่เทคโนโลยียังไม่ล้ำ ก็ยังคงต้องดูแลรักษาระบบแอร์กันต่อไป ซึ่งระบบแอร์รถยนต์นอกจากทำความเย็นให้รถยนต์แล้ว ยังสามารถดักจับเอาฝุ่นต่างๆ เข้ามาในรถ ให้ผู้โดยสารหายใจได้อย่างสะดวก

ซึ่งการทำความสะอาดหรือล้างตู้แอร์ปีละ 1 ครั้ง แต่ถ้าเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือใช้งานมาไม่เกิน 3 ปี ก็อาจจะอนุโลมให้เป็น 2 ปีครั้งก็ยังได้และเมื่อใช้งานเกิน 5 ปีแล้ว ควรจะล้างตู้แอร์อย่างน้อยปีละครั้งก็จะดี

ที่บอกให้ล้างตู้แอร์ปีละครั้ง ก็เพราะว่าการที่อากาศภายในรถยนต์หมุนเวียนผ่านตัวคอยล์เย็น หรืออิวาปโพเรเตอร์นั้น มักจะพาเอาฝุ่นละอองทั้งหลายแหล่มากบ้างน้อยบ้าง มาสะสมอยู่ที่ตู้แอร์ ซึ่งส่วนมากเมื่อมาเจอกับความชื้นที่แผงคอยล์เย็น ไอน้ำในบรรยากาศ ทำให้ฝุ่นละอองเหล่านี้ เกาะตัวสะสมมากขึ้น ทำให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค และยังทำให้เกิดการกัดกร่อนตัวแผงคอยล์เย็น ที่ส่วนมากมักทำจากอลูมิเนียม ทำให้น้ำยาแอร์ในระบบรั่วออกมาจากจุดนี้ และเวลาเปลี่ยนก็มักต้องเปลี่ยนยกชุด ซึ่งมีราคาสูงไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างรถญี่ปุ่นเล็กๆ ทั่วๆ ไป ใช้เงินบำรุงรักษาหลายบาท

ส่วนตัวแผงคอยล์ร้อน หรือคอนเดนเซอร์ มักจะมีฝุ่นปลิวมาเกาะและจะติดสะสม เนื่องจากแผงคอยล์ร้อนส่วนใหญ่ ถูกติดตั้งอยู่ด้านหน้าของหม้อน้ำรถยนต์ และเมื่อเศษผงพวกนี้แห้ง ก็จะเกาะติดแน่น ดังนั้น เวลาล้างรถควรใช้น้ำที่แรงดันไม่สูงมากนัก ฉีดล้างทำความสะอาดแผงคอนเดนเซอร์ที่อยู่ด้านหน้าด้วย หรือจะค่อย ๆ เก็บเศษสิ่งสกปรกที่มาติดค้างออก อย่างพวก ใบไม้ หรือ แมลง ได้ยิ่งดีใหญ่ เพื่อให้ลมผ่านช่องระบายความร้อนได้สะดวกขึ้น

หากมีเศษโคลนมาเกาะติดแน่น ก็ลองใช้แชมพูล้างรถ ล้างทำความสะอาดด้วยแปรงนิ่มๆ อย่าใช้แปรงที่มีความแข็งมากเกินไป เพราะอาจทำให้ครีบอลูมิเนียมเกิดบิดเบี้ยวหรือครีบล้ม ปิดกั้นไม่ให้ลมผ่าน การระบายความร้อนไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้แอร์เย็นน้อยลงไปอีก

นอกจากนี้แล้ว ให้หมั่นตรวจเช็กความตึงของสายพานคอมเพรสเซอร์แอร์ เพราะเวลาที่สายพานหย่อนเกินไป มักจะมีเสียงดังเกิดขึ้นได้เมื่อเปิดแอร์ ควรปรับตั้งให้สายพานตึงพอเหมาะพอควร

และให้คอยสังเกตดูว่า หากลมที่ผ่านตู้แอร์มานั้น จากที่เคยแรงๆ อยู่ แล้วลดความแรงลง ส่วนมากแล้วเป็นการเตือนว่า อาจเกิดการอุดตันขึ้นจากสิ่งสกปรก เป็นสัญญาณบอกให้ทราบว่า ได้เวลาล้างตู้แอร์ หรือให้ลองสังเกตจากคราบน้ำมัน ที่มักจะไปจับอยู่ตามข้อต่อ หรือท่อทางเดินของน้ำยาแอร์ ก็ควรนำไปให้ช่างแอร์ตรวจเช็คการรั่วของน้ำยาแอร์ เพื่อแก้ไขต่อไป เช่น เปลี่ยนสายน้ำยาแอร์หรือข้อต่อที่รั่ว

อย่าปล่อยให้น้ำยาแอร์รั่วออกจากระบบหมด อาจทำให้น้ำมันหล่อลื่นของคอมเพรสเซอร์แอร์ที่ปนอยู่ในน้ำยารั่วออกตามไปด้วย เมื่อขาดน้ำมันหล่อลื่น คอมเพรสเซอร์แอร์ก็จะเกิดความร้อนสูง ความสึกหรอของชิ้นส่วนภายในตัวคอมเพรสเซอร์ก็สูงตามไปด้วย จนบางครั้งทำให้คอมเพรสเซอร์เกิดการติดขัด ไม่สามารถหมุนต่อไปได้ หรือที่เรียกว่า คอมล็อก ต้องซ่อม หรือเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ใหม่

แชร์
ดูแลรักษาระบบแอร์รถยนต์ในยุคฝุ่น PM2.5