หากคุณขับรถแล้วเกิดอาการง่วง ง่วงแบบที่ว่าหาตัวช่วยแล้วก็ไม่สามารถทำให้อาการง่วงลดลงได้ มีความความจำเป็นต้องนอนในรถสักพัก เพราะง่วงเกินกว่าจะขับรถต่อไปไหว แต่การนอนในรถก็มีความเสี่ยงเสียชีวิตอยู่พอสมควร ดังที่เห็นจากข่าวมาแล้วหลายๆ ราย เพราะมลพิษจากท่อไอเสียที่เมื่อสูดดมเข้าไปมากๆ แล้วเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ มาดูขั้นตอนนอนในรถอย่างไรให้ปลอดภัย
สถานที่ปลอดภัย
ควรหาสถานที่จอดรถนอนอย่างปลอดภัย ไม่เป็นมุมอับสายตาจนไม่มีใครเห็น หาที่มีแสงสว่างอย่างเพียงพอ หากเลือกจอดรถนอนในสถานีบริการน้ำมัน หรือที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านก็จะเป็นการดี หรือจุดพักรถใหญ่ๆ เลี่ยงการจอดรถริมถนน หรือกีดขวางการจราจร เพราะอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ มีรถหลับในวิ่งมาชนท้ายได้
ปิดแอร์ดับเครื่อง
การจอดงีบสักพักในรถการปิดแอร์และดับเครื่องยนต์ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำ เพื่อป้องกันไม่ให้ไอเสียเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารได้ ผลเสียที่ตามมาหากสูดคาร์บอนไดออกไซค์เข้าไปมาก อาจทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนจนถึงขั้นหลับไม่ตื่น เป็นอันตรายต่อชีวิต ควรลดกระจกทั้งสองฝั่งลงเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยระบายอากาศภายในรถ
เปิดพัดลมจากแอร์
หากใครคิดว่าการปิดแอร์แล้วลดกระจกรถลง อาจจะทำให้หายใจไม่สะดวก อีกสิ่งที่สามารถทำได้เมื่อต้องการนอนในรถ คือการเปิดพัดลมจากแอร์ก็ย่อมทำได้ โดยพัดลมแอร์นั้นก็จะช่วยทำให้รู้สึกเย็น และหายใจได้สะดวกขึ้นได้แม้จะสู้การเปิดแอร์ไม่ได้ก็ตาม
ล็อกประตูทุกบาน
ประตูทุกบานต้องล็อคให้ครบเพื่อความปลอดภัยในขณะที่นอนหลับ รถบางรุ่นอาจปลดล็อกประตูโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ P ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าประตูรถถูกล็อกทุกบานแล้ว ไม่เปิดได้เอง
ตั้งนาฬิกาปลุก
ตั้งเวลาในการนอน ให้ร่างกายพักฟื้นฟู ประมาณ 15-20 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมให้ร่างกายกลับมารู้สึกสดชื่น ห้ามนอนจนนานเกินไป อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ การหลับนานเกินไปอาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่น เนื่องจากร่างกายจะรู้สึกว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ
สำหรับการนอนในรถก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดการง่วง จากภาระที่แบกมาได้ ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือเหนื่อยล้าจากการขับรถเป็นเวลานาน นอนหลับสักพักก็ช่วยให้กระปรี้กระเปร่าลดความเมื่อยล้า ทำให้สดชื่นขึ้น และขับรถเดินทางต่อไปได้