ในยุคที่ถนนกลายเป็นที่แข่งขันของความรีบร้อน บางครั้งเป็นเหมือนสนามอารมณ์ให้ผู้คนพร้อมเกเรใส่กัน การขับรถปาดหน้า ใครหลายคนอาจบอกว่าเป็นแค่ “การรู้เท่าไม่ถึงการณ์” หรือ “ไม่ได้เป็นคนเริ่ม” อาจเป็นชนวนให้เกิดเหตุร้ายแรงได้ทั้งในแง่ของชีวิตและกฎหมาย ผู้ขับขี่ทุกคนจึงควรรู้ว่าการขับรถปาดหน้าคนอื่น ไม่ใช่แค่เสียมารยาท แต่เป็นการกระทำที่อาจผิดกฎหมาย และนำไปสู่บทลงโทษทางอาญาหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
การขับรถปาดหน้าอย่างกะทันหัน หรือไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว อาจเข้าข่ายความผิดในหลายข้อกฎหมาย เช่น
ฝ่าฝืนกฎจราจร
อ้างอิงจาก พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
มาตรา 43 (3) ห้ามขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
มาตรา 46 ผู้ขับขี่ต้องแสดงท่าทางหรือสัญญาณก่อนเปลี่ยนช่องทางหรือทิศทาง
โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท (แต่ในทางปฏิบัติอาจมีการเปรียบเทียบปรับในอัตราอื่นตามดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่)
ขับรถโดยประมาทหวาดเสียว
หากการปาดหน้าทำให้ผู้อื่นตกใจ เบรกกะทันหัน หรือเสี่ยงต่อการชน โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ตามมาตรา 160 พ.ร.บ.จราจรทางบก)
กรณีเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถปาดหน้าอย่างประมาท ผู้ขับขี่อาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา เช่น
ความรับผิดทางแพ่ง
ชดใช้ค่าเสียหายแก่คู่กรณี เช่น ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตหรือพิการ
ความผิดทางอาญา หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อาจเข้าข่ายขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (มาตรา 291 ประมวลกฎหมายอาญา) โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
หากพบว่าเจตนาหรือมีพฤติกรรมอันตรายต่อเนื่อง เช่น แข่งรถบนถนนสาธารณะ อาจเข้าข่ายเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล
สิ่งที่น่ากลัวกว่ากฎหมาย คือ ความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้ การปาดหน้าเพียงเพราะ “อยากแซง” หรือ “ใจร้อน” อาจทำให้ใครบางคนไม่ได้กลับบ้าน หรือทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียคนสำคัญตลอดกาล เพียงหนึ่งการตัดสินใจผิดพลาดอาจหมายถึง น้ำตาทั้งชีวิตของใครบางคน
ถนนไม่ใช่เวทีอวดนิสัย “การขับรถ คือการแสดงออกถึงวุฒิภาวะ ไม่ใช่เวทีแสดงความหงุดหงิด”
การแปลเจตนาในการขับขี่ เช่น “ตั้งใจเบียด” หรือ “ปาดหน้าแบบก่อให้เกิดอันตรายอย่างมีนัย” อาจถูกพิจารณาว่าเล็งเห็นผล และถูกดำเนินคดีตามความผิดที่รุนแรงกว่า (ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แต่ละกรณีและดุลพินิจของศาล) หากมีการแข่งรถหรือขับรถด้วยพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ อาจต้องดูข้อกฎหมายเพิ่มเติม เช่น พ.ร.บ.การแข่งรถในทาง พ.ศ. 2557
บนถนนทุกสาย ไม่มีใครรู้ว่า “เสี้ยววินาทีข้างหน้า” จะกลายเป็นบทสุดท้ายของใครคนหนึ่งหรือไม่ การขับรถปาดหน้าอาจดูเหมือนแค่การชิงจังหวะ แต่ในทางความเป็นจริงมันคือการยื่นมือไปผลัก “โชคชะตา” ของใครบางคนให้ตกเหวโดยที่คุณอาจไม่ทันรู้ตัว “บนถนน...ไม่มีคำว่า ‘ขอโทษ’ ที่ฟื้นชีวิตใครกลับมาได้” การขับขี่ไม่ใช่เรื่องของ “ฝีมือ” เพียงอย่างเดียว แต่มันคือการแสดง “สติ” และ “วุฒิภาวะ” ของผู้ขับรถทุกคน การขับรถอย่างมีน้ำใจ ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ
ปลอดภัยไว้ก่อน แล้วค่อยจัดการตามระบบ การขับรถที่ประมาท หวาดเสียว ปาดหน้า แซงในที่ห้ามแซง ขับปาดซ้าย หรือแข่งรถบนทางสาธารณะ ถือเป็นภัยอันตรายที่เราไม่ควรเพิกเฉย หากพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการได้โดยตรง
สายด่วน 1193 ตำรวจทางหลวง ใช้สำหรับแจ้งเหตุพฤติกรรมอันตรายบนถนนหลวงหรือทางด่วน โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบรับแจ้งเหตุพร้อมระบุตำแหน่ง
สายด่วน 191 ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ใช้ได้ทุกกรณี ไม่จำกัดเฉพาะบนถนน หากมีเหตุฉุกเฉิน เช่น ผู้ขับขี่เมา ขับส่าย ปาดหน้าหลายคัน หรือขู่ทำร้าย
แอปพลิเคชัน “Police i lert u” แอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถถ่ายภาพ/วิดีโอแนบตำแหน่ง GPS ได้ทันที
เว็บไซต์หรือโซเชียลของตำรวจจราจร Facebook: กองบังคับการตำรวจจราจร บก.จร. หรือแจ้งผ่าน LINE Official Account ของตำรวจจราจร โทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1197 (เฉพาะในเขต กทม.)
สายด่วน 1584 กรมการขนส่งทางบก (กรณีรถโดยสาร / แท็กซี่ / รถสาธารณะ)
“การนิ่งเฉยต่อความเสี่ยง คือการปล่อยให้ความรุนแรงมีโอกาสเกิดขึ้นอีกครั้ง” การร้องเรียนพฤติกรรมขับรถอันตราย ไม่ใช่การจับผิดหรือเรื่องส่วนตัว แต่มันคือการร่วมกันดูแลสังคม และลดโอกาสเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำซากบนท้องถนนของประเทศไทยให้น้อยลง