ยุคนี้ยังมีใครใช้รถยนต์เกียร์ธรรมดากันอยู่บ้าง คงจะพอมีอยู่บ้าง แต่อาจจะน้อยมากแล้ว ขอเอาใจคนใช้รถยนต์เกียร์ธรรมดากันหน่อย สำหรับอุปกณ์ที่เรียกว่า คลัทช์ (CLUCTH) ที่ใช้กับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ทำหน้าที่ตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องยนต์กับชุดเกียร์ ใช้เวลาเข้าหรือเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งถ้าไม่เหยียบคลัทช์จะทำให้เข้าเกียร์ได้ยาก และจะทำให้กลไกเฟืองต่าง ๆ ในชุดเกียร์ชำรุดเสียหายได้
คลัทช์ ที่นิยมใช้ในรถยนต์เกียร์ธรรมดามีอยู่ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ คลัทช์แบบใช้สายสลิงควบคุม หรือที่เรียกว่า คลัทช์สาย เหมาะสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ใช้ชุดคลัทช์ที่ไม่ใหญ่มากนัก ข้อดีของคลัทช์สาย คือ ดูแลง่าย อุปกรณ์น้อยชิ้น ราคาถูก ส่วนอีกแบบหนึ่งเรียกว่า คลัทช์ไฮดรอลิก หรือภาษาช่างทั่วไปมักเรียกว่า คลัทช์น้ำมัน ซึ่งมักใช้กับรถที่ชุดคลัทช์อยู่ไกลจากแป้นคลัทช์มาก หรือชุดคลัทช์มีขนาดใหญ่ ข้อดีของคลัทช์แบบนี้คือ ใช้แรง ในการเหยียบคลัทช์น้อยกว่าคลัทช์สาย ปัจจุบันนิยมใช้กับรถยนต์ทั่วไปมากขึ้น
ส่วนการใช้งานคลัทช์ให้ถูกต้อง คือ เวลาเข้าหรือเปลี่ยนเกียร์ทุกครั้ง ต้องเหยียบคลัทช์ให้สุด แล้วค่อย ๆ ปล่อยคลัทช์ออกช้า ๆ เพื่อให้รถออกตัวได้อย่างนิ่มนวล ถ้าปล่อยคลัทช์เร็วเกินไป พร้อมเร่งเครื่องอย่างรุนแรง อาจทำให้ล้อหมุนฟรี มีผลต่ออายุการใช้งานของยางและคลัทช์ ที่สำคัญ อย่าวางพักเท้าไว้บนแป้นคลัทช์ในขณะขับรถ เพราะจะให้ผ้าคลัทช์หมดเร็วขึ้น หรืออาจทำให้แผ่นผ้าคลัทช์ไหม้ได้
ในการเบรกก็เช่นกัน ถ้าผู้ขับขี่เหยียบคลัทช์ก่อนเหยียบเบรก จะทำให้ระบบเบรกทำงานมากขึ้น และระยะหยุดรถจะเพิ่มมากขึ้นกว่าปรกติด้วย เช่นเดียวกับ การหยุดรถบนทางลาดชัน ก็ไม่ควรใช้วิธีเลี้ยงคลัทช์ เพราะจะทำให้แผ่นผ้าคลัทช์สึกหรอเร็วขึ้น มีผลทำให้เกิดอาการ คลัทช์ลื่น เร็วกว่าปรกติ เมื่อมีความจำเป็นต้องหยุดรถบนทางลาดชัน ควรใช้เบรกมือแทนดีที่สุด และถ้าเป็นไปได้นะ ควรหลีกเลี่ยงการเข็นรถและกระชากคลัทช์เพื่อติดเครื่อง การทำเช่นนี้บ่อย ๆ จะมีผลทำให้ชุดคลัทช์พังไวกว่าปกตินั่นเอง