สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานไปในทางเดียวกันถึงท่าทีเกี่ยวกับการรวมกันของ 3 แบรนด์ใหญ่ฝั่งญี่ปุ่น ที่เตรียมจับมือกันก่อนหน้านี้ ทั้ง นิสสัน ฮอนด้า และมิตซูบิชิ แต่ว่าตอนนี้เหมือนทุกอย่างจะจบลงรวดเร็วกว่าที่คิด
ก่อนหน้าที่ทางมิตซูบิชิ เหมือนจะเป็นค่ายที่ยังลังเลและไม่ได้ตอบตกลงตั้งแต่แรก ยังต้องเวลาพิจารณาในการไตร่ตรองถึงไตรมาสแรกของปี 68 แต่ล่าสุดเป็นทาง นิสสัน ที่ออกอาการอยากล้มดีลนี้เสียแล้ว โดยเหตุผลคาดว่ามาจากความซับซ้อนของดีลระหว่างนิสสันและฮอนด้า ที่เหมือนยิ่งเจอทางตันมาขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงความแตกต่างทางความคิดที่เหมือนหาจุดบรรจบกันไม่ลงตัว โดยเฉพาะข้อเสนอของทางฮอนด้าที่ต้องการให้นิสสันเข้ามาเป็นบริษัทลูกของตนเอง
หลังจากนั้น (5 ก.พ. 68) หุ้นของนิสสันดิ่งลงทันที 4.9% สวนทางกับหุ้นฮอนด้า ที่สามารถยืนในแดนบวกได้ 8.2% กลายเป็นว่านักลงทุนกลับบอกเป็นเชิงบวกต่อฮอนด้ามากกว่าสำหรับการล้มดีลในคราวนี้
ดูเหมือนว่าผู้คนและนักลงทุนมีความกังวลกับสถานภาพของนิสสันเป็นอย่างมาก และยังไม่เชื่อมั่นกับดีลที่จะเกิดขึ้นก่อนหน้า ซึ่งนิสสันกำลังอยู่ท่ามกลางวิกฤตทางธุรกิจอย่างหนักหลังจากมีการประกาศเป้าหมายลดพนักงานทั่วโลกถึง 9,000 อัตรา และลดกำลังการผลิตลงกว่า 20%
อย่างไรก็ตามนิสสันและฮอนด้า มีแผนจะประกาศสำหรับแผนการร่วมมือและการเจรจากันในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่เหมือนทางฮอนด้าซึ่งตัวบริษัทมีมูลค่าสูงกว่านิสสันถึง 5 เท่า น่าจะเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับดีลนี้
ดีลใหญ่ระหว่าง 3 ค่ายญี่ปุ่รอบนี้ นอกจากปัจจัยภายในแล้ว ยังถูกรุมเร้าด้วยแนวโน้มมาตรการภาษีศุลกากรของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า มาตรการทางภาษีที่สหรัฐอเมริกาเตรียมใช้กับเม็กซิโกจะส่งผลโดยตรงต่อนิสสันหนักกว่าเพื่อน และยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า นิสสัน มีหนี้สินหลายพันล้านดอลลาร์ฯ ที่จะครบกำหนดภายใน 2 ปีต่อจากนี้
นักวิเคราะห์ด้านยานยนต์ของ CLSA มองว่า นิสสันไม่ปรารถนาเป็นเพียงบริษัทในเครือของฮอนด้า และน่าจะเป็นประเด็นขัดแย้งหลักในดีลนี้ ซึ่งทางฝั่งฮอนด้าเอง ถ้าการจับมือในรอบนี้ ไม่มีอำนาจในการควบคุมทางนิสสัน ก็คงจะเป็นฝ่ายถอนตัวในที่สุดเช่นกัน
ทางด้าน เรโนลต์ แบรนด์รถสัญชาติฝรั่งเศส พันธมิตรของนิสสันและถือหุ้นอยู่กว่า 36% ได้ออกมาเปิดรับในหลักการของการควบรวมระหว่างนิสสันและฮอนด้า
แต่อย่างไรก็ดี ท่าทางเหมือน มิตซูบิชิ อาจไม่ต้องตัดสินใจอีกต่อไป หรือแบกความกดดันในดีลนี้ก็ได้ เพราะถ้าดีลไม่ลุล่วง หรือล้มลงจริงๆ ก็น่าจะมาเหตุผลจากความไม่ลงตัวของทางนิสสันและฮอนด้าเองมากกว่า