วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย (Volvo) พอใจยอดขายในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ยอดขายกลุ่มรถยยนต์พลังงานไฟฟ้าทำสถิติสูงสุด คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 80 ของยอดขายทั้งหมด
เป้าหมายการดำเนินธุรกิจสำหรับปี 2025 และอนาคต ยังคงมุ่งเน้นเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มรถไฟฟ้า และปลั๊กอินไฮบริด เสริมความพึงพอใจ และบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยงานขายและการบริการที่ครอบคลุม พร้อมเพิ่มมูลค่าในการเป็นเจ้าของรถวอลโว่ด้วยโครงการใหม่ ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของรถวอลโว่ โดยตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 0-5% ในปีนี้ และมองถึงภาพรวมตลาดของยานยนต์ในประเทศไทยว่ายังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว
ผลงานในปี 2024 รถไฟฟ้า fully electric มีสัดส่วนสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวม โดยเป็นสัดส่วนสูงสุดเท่าที่เคยมีมาตั้งแต่ วอลโว่ เริ่มจำหน่ายรถไฟฟ้า ในปี 2022 รุ่น Volvo EX30 มีสัดส่วนยอดขายสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย Volvo EC40 และ EX40 ที่มียอดขายที่ 20 เปอร์เซ็นต์ เท่า ๆ กัน สำหรับรถปลี๊กอินไฮบริดนั้นมีสัดส่วนยอดจำหน่ายรวมที่ 20 เปอร์เซ็นต์ โดยมีรถสไตล์เอสยูวี รุ่นยอดนิยมอย่าง Volvo XC60 และ XC90 ที่ยังคงได้รับความสนใจต่อเนื่อง
นอกจากการเติบโตของรถใหม่ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังได้ประกาศการเติบโตของรถวอลโว่มือสอง อย่าง Volvo Selekt Approved Used Cars ว่ามียอดจำหน่ายที่โตขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปี 2023
คุณคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และ ประเทศมาเลเชีย กล่าวว่า
“เรารู้สึกภูมิใจกับผลลัพธ์ของปีที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งการเติบโตที่ต่อเนื่องก็สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์วอลโว่ และตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และแม้ว่าความท้าทายจะยังเกิดขึ้นต่อเนื่องมาในปี 2025 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ของเรา โดยเราตั้งเป้าหมายการเติบโตของปี 2025 ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ เราเชื่อว่าด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เรานำเสนอทั้งในส่วนของรถไฟฟ้า fully electric และรถปลั๊กอินไฮบริด จะยังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภคต่อเนื่องไปในอนาคต อีกทั้งความพรีเมียมของแบรนด์ที่ทำให้ วอลโว่ คาร์ แตกต่าง และเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ไตรมาสแรกของปี 2025 วอลโว่ เตรียมส่งมอบรถไฟฟ้าขนาด 7 ที่นั่ง สไตล์เอสยูวี รุ่นเรือธงอย่าง Volvo EX90 ให้แก่ลูกค้า ซึ่ง EX90 เป็นรถรุ่นแรกที่ใช้ชิปในการประมวลผล ผ่านการทำงานของซอฟ์แวร์เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ความปลอดภัย การเชื่อมต่อ และข้อมูล บนแพลตฟอร์มที่สามารถอัพเกรดเพื่อรองรับการใช้งานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ทั้งในกลุ่มรถไฟฟ้า fully electric 2 รุ่น คือ Volvo EX30 Cross Country และ Volvo ES90 รวมถึงรถกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด ภายในปีนี้
กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า 80% จากยอดขายทั้งหมด แบ่งเป็นรุ่น EC40 และ EX40 รุ่นละ 20% ด้านน้องเล็ก EX30 คิดเป็นส่วนแบ่งถึง 40% เลยทีเดียว
ด้านกลุ่ม Plug-in Hybrid คิดเป็นอัตราส่วน 20% แยกเป็น XC90 4%, XC60 7.8% S90 2.1%, S60 2.5% และ V60 3.6%
ก่อนหน้านี้ทางวอลโว่ เคยมีแผนเปิด Battery Center ในไทยช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา โดยจะเป็นโรงงานพร้อมสำหรับการซ่อม และดูแลแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ แต่สุดท้ายก็ต้องเลื่อนออกมา จนมีการประกาศอีกรอบว่าจะพร้อมกลางปีนี้ สำหรับสาเหตุมาจากกฎระเบียบของโรงงานแบตเตอรีที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด และมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ยอดงานลงทุนมีจำนวนมหาศาลจากที่คาดหมาย แต่อย่างไรก็ดี วอลโว่ ก็ยังวางแผนที่จะทำให้เกิดขึ้นในปีนี้อย่างแน่นอน
ช่วงหลังกระแสรถ BEV เริ่มลดความร้อนแรงลง ไม่ว่าจะกระแสในไทย หรือทั่วโลก โดยเฉพาะการกีดกัดจากตลาดยุโรป กับความกังวลของวอลโว่หรือไม่ เนื่องจากเป็นค่ายรถที่มีความชัดเจนในการมุ่งสู่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยทางผู้บริหารฯ ยังมองในแง่บวก และเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าสุดท้าย รถยนต์ BEV คือคำตอบของโลกอนาคตอย่างแน่นอน ทำให้ไม่ได้มีความหวั่นไหว และยังคงเดินตามกลยุทธ์และเป้าหมายเช่นเดิม รวมถึง วอลโว่ เองก็มีรถกลุ่ม Plug-in Hybrid (PHEV) ที่พร้อมทำตลาดหลายรุ่น
วางแผนในการเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre (VCDR) แห่งใหม่ พร้อมวางแผนการขยายบริการ Volvo Mobile Service ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถรับบริการได้จากที่บ้านหรือสถานที่ที่นัดหมาย ประหยัดเวลาการเดินทางไปที่ศูนย์บริการ พร้อมกันนี้ยังได้รับความอุ่นใจว่าช่างที่มาให้บริการได้รับการอบรมตามมาตรฐานของวอลโว่ คาร์ เนื่องด้วยความเข้าใจในสภาวะของตลาด และเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทยยังได้วางแผนจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ ร่วมถึงเปิดบริการ SMART Repair Service ซึ่งเป็นการบริการซ่อมความเสียหายขนาดเล็ก และขนาดกลาง ที่เกิดขึ้นกับตัวรถด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยของวอลโว่ แทนที่การเปลี่ยนอุปกรณ์ยกชิ้น ซึ่งการซ่อมดังกล่าวใช้เวลาไม่นาน และมีราคาประหยัด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการใช้รถ เพิ่มมูลค่าในการเป็นเจ้าของซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ต้องการนำเสนอให้แก่ผู้เป็นเจ้าของรถวอลโว่ทุกคน