เปิดตัว Hyundai IONIQ 5 N Line แต่งสปอร์ต แบตฯ ใหม่ วิ่งได้ไกลขึ้น

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย (Hyundai) เปิดตัว IONIQ 5 N Line รุ่นปี 2025 เสริมไลน์อัป IONIQ 5 พัฒนาไดนามิกการขับขี่ด้วยแบตเตอรี่ใหม่ 84.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 530 กม. ราคา 1.988 ล้านบาท

IONIQ 5 N Line ราคา 1,988,000 บาท

IONIQ 5 N Line เป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญของ IONIQ 5 N Line เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยชุดแบตเตอรี่แบบใหม่ขนาด 84.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มระยะทางการขับขี่สูงสุด 530 กม. (จากเดิม 481 กม. ในแบตเตอรี่ขนาด 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ทำให้สามารถเดินทางได้ไกลมากขึ้น นอกจากนี้ดีไซน์ภายนอกยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้ดูสปอร์ต กันชนหน้า-หลัง และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบใหม่เฉพาะรุ่น N Line เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์

ภายในห้องโดยสารของ IONIQ 5 N Line พวงมาลัยหุ้มหนังฉลุลายพร้อมตะเข็บด้ายแดง เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมโลโก้ N เบาะผู้ขับขี่ปรับเอนนอนได้แบบ Zero Gravity ด้วยไฟฟ้าพร้อมที่พักขา คันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ต แผงหน้าปัดดีไซน์ N Line และแผงบุหลังคาสีดำ คอนโซลกลางแบบ Universal Island ที่ปรับปรุงใหม่ วางปุ่มควบคุมต่าง ๆ ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย พร้อมแท่นชาร์จไร้สายที่ย้ายมาตำแหน่งด้านบนของคอนโซลกลาง

ขุมพลังการขับเคลื่อน

• มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor
• พละกำลังสูงสุด 225 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
• ระยะทางการวิ่ง 530 กิโลเมตรต่อการชาร์จ มาตรฐาน WLTP
• แบตเตอรีแบบ Lithium-Ion ขนาด 84 kWh
• รองรับการชาร์จ AC กำลังไฟ 10.5 kW
• รองรับการชาร์จ DC กำลังไฟ 350 kW (10-80% ใน 18 นาที)
• ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม.
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที
• อัตราสิ้นเปลือง 17.2 kWh/100 กม.
• ระบบจ่ายไฟ V2L กำลังไฟรวม 3.6 kW
• ช่วงล่างด้านหน้า MacPherson Strut / หลัง Multi-link
• ดิสก์เบรกหน้าหลัง

มิติตัวถัง

• ยาว 4,655 x กว้าง 1,890 x สูง 1,605 (รวมเสาอากาศ 1,647) มม.
• ระยะฐานล้อ 3,000 มม.
• ระยะต่ำสุดจากพื้น 160 มม.
• พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 520 - 1,580 ลิตร
• น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,950 กก.
• รัศมีวงเลี้ยงแคบสุด 5.99 เมตร
• ขนาดล้อ 20 x 8.5 J
• ยาง 255 / 45 R20

ดีไซน์ภายนอก

• กันชนหน้าและหลัง เฉพาะรุ่น N Line
• สเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตเฉพาะรุ่น N Line
• หลังคา Vision Roof พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า
• ระบบไฟหน้าเปิดและปิดอัตโนมัติ
• ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel LED
• ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED
• ช่องระบบอากาศแบบ Active Air Intakes
• กระจกหน้าแบบ Acoustic
• มือจับประตูแบบป๊อปอัพพร้อมเซ็นเซอร์
• ประตูท้ายเปิดและปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบ Smart

ดีไซน์ภายใน

• พวงมาลัยโลโก้ N ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
• เบาะหุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมโลโก้ N
• เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าและที่ดันหลังฝั่งผู้ขับขี่
• ระบบปรับเบาะอุ่นและเย็น พร้อมระบายอากาศสําหรับเบาะนั่งคู่หน้า
• เบาะผู้ขับขี่ปรับเอนนอนแบบ Zero Gravity พร้อมที่่พักขา
• ระบบบันทึกตําแหน่งเบาะผู้ขับขี่ 2 ตําแหน่ง
• เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับพับได้แบบ 60:40
• ระบบปรับอากาศ 2 โซน
• 12.3" Full Color Display Supervision Instrument Cluster
• USB-C จํานวน 4 ตําแหน่ง
• โหมดการขัับขี่ (Eco, Normal, Sport)
• Regen Paddle Shifters
• Ambient Mood Light 64 สี
• Wireless Charger

ระบบความบันเทิง

• หน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว
• รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
• ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม BOSETM With External Amplifier
• ลํา โพง 8 ตําแหน่ง

ระบบความปลอดภัย

• ถุงลมนิรภัย 6 ตําแหน่ง
• ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)
• ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC (Electronic Stability Control)
• ระบบช่่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control)
• ระบบช่วยหยุดรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake)
• ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitoring System)
• ระบบเซ็นเซอร์กะระยะการเข้าจอด (หน้า - ข้าง - หลัง)
• ระบบกุุญแจ Immobilizer
• ชุดซ่อมยางชั่วคราว TMK (Temporary Mobility Kit)
• ระบบ VESS จําลองเสียงเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัยสําหรับคนเดินถนน

Hyundai SmartSense

• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Smart Cruise Control with Stop and Go)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LFA (Lane Following Assist)
• ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ FCA (Forward Collision-avoidance Assist)
• ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก FCA-JT (Forward Collision-avoidance Assist Junction Turning)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่เลน LKA (Lane Keeping Assist)
• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA (Blind-spot Collision-avoidance Assist)
• ระบบเตือนการเปิดประตููเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEW (Safe Exit Warning)
• ระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา BVM (Blind-spot View Monitor)
• กล้องมองรอบทิศทาง SVM (Surround View Monitor)
• ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าและเมื่อมีรถคันหน้าเคลื่อนที่ DAW (Driver Attention Warning)
• ระบบช่่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA (Rear Cross-traffic Collision-avoidance Assist)

ตำแหน่งการตลาดของ IONIQ 5 N Line

IONIQ 5 N Line เป็นโมเดลแรกที่ทำตลาดพร้อมชุดแต่ง N Line ของฮุนได โดยถูกวางตำแหน่งให้อยู่ระหว่าง IONIQ 5 และ รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง IONIQ 5 N แรงบันดาลใจจากโลกมอเตอร์สปอร์ตมายังการออกแบบ IONIQ 5 N Line ภายใต้สโลแกน “Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่” ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของยานยนต์กลุ่ม N ของฮุนได

เทคโนโลยีการขับขี่ที่ปลอดภัย

IONIQ 5 N Line มากับระบบอินโฟเทนเมนต์ หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้วและแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ wireless Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนที่สะดวกไร้สาย ติดตั้งระบบ Hyundai SmartSense™ ซึ่งมีทั้งระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนในจุดบอด (BCA) ระบบหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า (FCA) ระบบช่วยรักษาตำแหน่งในช่องเดินรถ (LKA) และระบบควบคุมในช่องเดินรถ (LFA) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะ (SCC) พร้อมระบบ Stop & Go

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“N Line คือการออกแบบพิเศษของฮุนไดเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้นสำหรับรถไฟฟ้า โดยฮุนไดมุ่งทลายข้อจำกัดของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผ่านการนำเสนอนวัตกรรม สมรรถนะ และการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งรถยนต์ในรุ่น N Line ยังเป็นมากกว่าความสวยงาม เพราะผสมผสานทั้งองค์ประกอบดีไซน์แนวสปอร์ต ในขณะเดียวกันยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกลบนทางหลวง IONIQ 5 N Line จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความเร้าใจในชีวิตประจำวัน”

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“การเปิดตัว IONIQ 5 N Line ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลง รถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นการขยายไลน์อัปของ IONIQ 5 โดยผสานการออกแบบที่นำแรงบันดาลใจจากวงการมอเตอร์สปอร์ตเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าขั้นสูง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะมาสู่ตลาดเมืองไทย ยกระดับพอร์ตโฟลิโอของ IONIQ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ฮุนไดในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม”

IONIQ 5 N Line เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1.988 ล้านบาท สามารถสัมผัสรถคันจริง ได้ที่ IONIQ Lab อาคารทรูดิจิทัลพาร์ค ฝั่งเวสต์ ได้ระหว่างวันที่ 21-28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือ านบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2568 ณ IMPACT Challenger กรุงเทพฯ