เคลมสด เคลมแห้ง ทำอย่างไร? ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ต้องรู้

ประกันอุบัติเหตุรถยนต์ ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่คนใช้รถขาดไม่ได้เลยจริงๆ เรียกได้ว่าไม่ควรประมาท เพราะหากพลาดแล้วอาจบอบช้ำใจ ว่าง่ายๆ คือมีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าพอจะต้องใช้แล้วดันไม่มี คำนี้ยังเป็นคำโบร่ำโบราณที่ใช้ได้เสมอ และใช้ได้ทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ถือได้ว่าเป็นการคุ้มครอง ป้องกันที่ครอบคลุมมากที่สุดแล้วในตอนนี้ และแน่นอนขั้นตอนสำคัญที่ทุกคนควรต้องรู้ก็คือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่อยากคาดฝันขึ้นแล้ว การทำเรื่องเคลมและรูปแบบของการเคลม ที่เรานั้นสามารถยื่นเรื่อง กับบริษัทประกันรถยนต์ต้องทำอย่างไร?

คอนเทนต์แนะนำ

เปิดใจ น้องเฟิร์น นิสิตคณะเภสัชศาสตร์ ผู้ชนะเลิศออกแบบโลโก้ "หมูเด้ง"

"ใหม่ ดาวิกา" ไม่ทน! ฟ้องคนด่าแรง เอาเงินมาช่วยเหลือสัตว์

ตำนาน นางนพมาศ จากพิธี "จองเปรียง" สมัยสุโขทัย สู่ประเพณี "ลอยกระทง"

เคลมสด เคลมแห้ง คืออะไร?

สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้หลังเกิดเหตุไม่คาดฝัน คือเรื่องของการ “เคลม” โดยการเคลมจะมี 2 รูปแบบที่คุ้นหู คือคำว่า เคลมสด กับเคลมแห้ง แล้วมันต่างกันอย่างไรสำหรับการเคลมทั้ง 2 รูปแบบนี้ เคลมสด คือการแจ้งประกันรถยนต์ทันทีหลังจากเกิดเหตุ หรือจะเรียกว่าแจ้งเหตุหน้างานในขณะอยู่ในที่เกิดเหตุก็ได้ สำหรับประกันภัยรถยนต์่ชั้น 1 ก็จะสามารถเคลมสดได้ทั้งแบบ มีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี

เคลมสดแบบไม่มีคู่กรณี การเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่มีคู่กรณี อาทิ ขับรถเบียดเสาบ้าน ชนฟุตบาต หรือกำแพงรั้วบ้านตัวเอง เป็นต้น ซึ่งการเคลมสดแบบนี้ก็สามารถกระทำได้ โดยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันรถยนต์ให้มาสำรวจความเสียหายที่หน้างานได้เลย ข้อดีคือ รวดเร็ว และเรายังสามารถจัดการเวลา เพื่อเตรียมตัวนัดหมายนำรถเข้าซ่อมได้ทันทีอีกด้วย อีกทั้งถ้าเป็นแผลขนาดใหญ่การปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน อาจเกิดร่องรอย ความเสียมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้ อย่างเช่นอาจเกิดสนิมในบริเวณที่เป็นเหล็กที่ชั้นสีเสียหาย ซึ่งหากปล่อยไว้นานเกินไป อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือผุกร่อนได้

เคลมสดแบบมีคู่กรณี คือการที่รถของเราเกิดเหตุโดยมีผู้เกี่ยวข้องในสถานการณ์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ด้วยกันเอง คนขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือแม้กระทั่งคนเดินถนน ซึ่งประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองทั้งหมด โดยที่การเคลมแบบมีคู่กรณี ส่วนมากจะต้องเป็นการเคลมสด เพื่อให้คู่กรณีสามารถได้รับใบหลักฐาน และนำไปทำการเคลมสิทธิ์ซ่อมในอู่ซ่อมต่อไป ในบางกรณีแม้จะมีคู่กรณีแต่สามารถตกลงกันได้ เช่นรับผิดร่วมกัน รับประมาทร่วมแล้วแยกย้าย ซึ่งหากเป็นกรณีนี้ผู้เอาประกัน ก็อาจเลือกใช้วิธีการเคลมแห้งในภายหลังก็สามารถกระทำได้เช่นกัน

วิธีเคลมประกันรถยนต์

ขั้นตอนและวิธีการเคลมประกันรถยนต์นั้นก็ไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรเลย เพียงแต่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมและเข้าใจอย่างถูกวิธี เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและไม่ผิดพลาดยามที่เกิดเหตุการณ์ใดๆ เนื่องจากส่วนมากหลังเกิดเหตุ เราจะพบอยู่บ่อยครั้งว่าผู้ขับขี่ รวมถึงคู่กรณี มักไม่ทันได้ตั้งตัวและตั้งสติได้เพียงพอ สำหรับขั้นตอนแจ้งเคลมทำตามนี้ได้เลย

• ก่อนอื่นสำคัญสุดๆ ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกตกใจ หยิบมือถือ หรือถ้ามีกล้องถ่ายรูป ก็นำมาถ่ายไว้เป็นหลักฐาน หลังได้ภาพหลักฐานแล้ว ถ้าอยู่ในบริเวณการจราจรติดขัดหรือหนาแน่น สามารถขยับรถของคันเกิดเหตุ และคู่กรณี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กีดขวางการสัญจรก็สามารถกระทำได้
• รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ หรืออาจจะสายด่วน ของบริษัทประกันรถยนต์ที่ได้ทำไว้ เพื่อให้ทางบริษัทประกัน ประสานงานให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเหตุที่หน้างาน โดยเรามีหน้าที่ต้องแจ้งเรื่องราวเหตุการณ์ รูปแบบอุบัติเหตุ ทะเบียนรถ และสถานที่เกิดเหตุให้ชัดเจน
• ในกรณีอุบัติเหตุรุนแรง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รีบโทรติดต่อรพ. ที่ใกล้เคียง หรือเบอร์สายด่วน อาทิ 1669, 1554, 1646 และ 1691 ที่เป็นเบอร์โทรฉุกเฉินด้านการแพทย์ เพื่อขอความช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างทันท่วงที
• หลังเจ้าหน้าที่ประกันลงพื้นที่ ก็จะทำการสำรวจความเสียหาย ประเมินเหตุการณ์อย่างละเอียด รวมถึงในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ถึงฝ่ายถูกฝ่ายผิด เจ้าหน้าที่ประกันก็อาจเข้าช่วยไกล่เกลี่ยหาข้อสรุป หลังทุกอย่างครบเจ้าหน้าที่ก็จะออกใบเคลมให้กับผู้เอาประกันภัย เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานสำหรับการยื่นเคลมประกันต่อไป

เคลมแห้ง ทำอย่างไร?

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจคำว่า “เคลมแห้ง” กันก่อน ซึ่งมันก็คือการแจ้งเคลมหลังจากเกิดเหตุมาแล้ว และได้ออกมากจาสถานที่ หรือเหตุการณ์นั้นไปแล้ว ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยการเคลมแห้ง จะไม่มีเจ้าหน้าที่ลงสำรวจยังจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเหตุการณ์ได้ผ่านหรือจบลงไปเรียบร้อยแล้ว และผู้เอาประกันได้แจ้งบริษัทประกันในภายหลัง ส่วนมากเคลมแห้งมักเกิดกับเหตุการณ์ที่ ไม่รุนแรงมากนัก หรือเป็นการเคลม โดยไม่มีคู่กรณี ผู้เอาประกันสามารถนำรถยนต์ เข้ารับการซ่อมแซมที่อู่ในเครือของบริษัทประกันได้เลย แต่ที่สำคัญการเคลมแห้ง แม้จะไม่มีกำหนดระยะเวลาในการแจ้ง แต่ก็จำเป็นที่จะต้องแจ้งเคลมก่อนกรมธรรม์ประกันที่ทำไว้จะหมดลง เพราะถ้าเลยระยะเวลาของกรมธรรม์ที่คุ้มครองแล้วนั้น จะไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์ในการเคลมได้

สำหรับขั้นตอนก็ค่อนข้างง่ายไม่ยุ่งยาก เมื่อมีความประสงค์จะทำการเคลมแห้ง ให้โทรแจ้งไปยังบริษัทประกันที่ทำไว้ แจ้งวันเวลาที่เกิดเหตุรวมถึงสถานที่ พร้อมระบุวัน เวลา และรายชื่ออู่ที่จะนำรถเข้าทำการซ่อมแซม หลังจากนั้นก็สามารถนำรถเข้าไปยังอู่ ตามวันเวลาที่ได้แจ้งไว้กับบริษัทประกันรถยนต์ได้เลย

เคลมแบบออนไลน์?

ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตมีส่วนสำคัญที่ทำให้การติดต่อ หรือประสานงานต่างๆ ง่ายดาย และสะดวกรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ และการส่งเรื่องเคลมประกันรถยนต์ ก็สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้แล้วเช่นเดียวกัน นอกจากจะเป็นการเพิ่มช่องทางที่รวดเร็ว และสะดวกสำหรับผู้เอาประกันแล้ว ยังมีขั้นตอนที่ง่ายและไม่ซับซ้อน

กรณีโทรลูกค้าโทรเข้ามาเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และติดต่อไปยัง Call Center หรือที่เบอร์ 02-842-9899 เมื่อ Call Center ได้รับแจ้งเรื่องแล้ว หากเป็นการเคลมแห้ง จะทำเรื่องเคลมผ่าน Web App ได้เลย โดยระบบสามารถออกใบเคลมอัตโนมัติ ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่หากเป็นกรณีเคลมสด จะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย หากในเหตุการณ์ไม่สามารถตกลงกับคู่กรณีได้ หรือคู่กรณีไม่มีประกัน กรณีนี้ก็จะมีการส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ไปยังจุดเกิดเหตุ แต่ถ้าไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้จะสามารถเคลมผ่าน Video Call และได้รับใบเคลมผ่าน SMS ได้เลย ง่ายและสะดวกสุดๆ

เคลมไม่ยาก แค่เลือกบริษัทประกันที่มั่นใจ

จะเห็นว่าการเคลมประกันรถยนต์นั้นทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะมีช่องทางออนไลน์ที่ทำได้ง่ายๆ ผ่านมือถือของตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญมาก สำหรับประกันรถยนต์ ก็คือการเลือกบริษัทประกัน ที่ผู้เอาประกันต้องศึกษา และหาข้อมูล ในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านความน่าเชื่อถือ ความคุ้มค่า และราคาค่าเบี้ยประกันภัย ที่เหมาะสม โดยสามารถเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้ที่ https://insurverse.co.th/car-insurance/type1/