โรคงูสวัดเป็นโรคที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำ ที่โดยจะมีอาการรุนแรงและยาวนานกว่าคนที่อายุน้อยและแข็งแรง ถ้าหากละเลยไม่มาพบแพทย์อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus) ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส โดยคนที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส เชื้อจะไปซ่อนตัวอยู่ในปมประสาทของร่างกายโดยไม่มีอาการใดๆ แต่เมื่อร่างกายอ่อนแอ เช่น มีความเครียด ไม่สบาย พักผ่อนไม่เพียงพอ และอายุที่มากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ไวรัสกำเริบ ก่อให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาท ทำให้มีอาการแสดงตามแนวผิวหนังที่เลี้ยงโดยเส้นประสาท โดยจะมีผื่นลักษณะตุ่มแดง มีตุ่มน้ำเล็กๆ ขึ้นตามมา ซึ่งมักขึ้นบริเวณข้างเดียวของร่างกาย และอาจมีอาการปวดร้าวหรือแสบร้อนร่วมด้วย
โรคงูสวัดเป็นโรคติดต่อผ่านการสัมผัสกับตุ่มน้ำใสที่มีเชื้อไวรัสซึ่งหากคนที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสเมื่อได้รับเชื้อไวรัสงูสวัดจะเป็นโรคอีสุกอีใสแทน ส่วนผู้ที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคงูสวัดทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่จะเกิดผลข้างเคียงจากโรคมากกว่าผู้ป่วยในวัยอื่น เพราะภูมิต้านทานของร่างกายที่ลดลง เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เกิดรอยโรคหลายบริเวณ และมีอาการปวดเส้นประสาท เป็นต้น
โรคงูสวัดเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัส คนไทยบางกลุ่มมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับงูสวัด ซึ่งความเชื่อเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง หรือเกิดความวิตกกังวลเกินความจำเป็น ความเชื่อผิด ๆ ที่พบบ่อย ได้แก่
• งูสวัดพันรอบเอวแล้วจะเสียชีวิต ความจริงคือ งูสวัดมักขึ้นตามแนวเส้นประสาทเพียงข้างเดียวของร่างกาย การที่ผื่นขึ้นรอบตัวไม่ได้หมายความว่าจะเสียชีวิต
• งูสวัดเคยเป็นแล้วจะหายขาด ไม่เป็นอีก ความจริงคือ งูสวัดสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก หากร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันต่ำลง
• งูสวัดอันตรายถึงชีวิต ความจริงคือ งูสวัดมักไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ในบางรายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมาก ๆ อาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงได้
• งูสวัดต้องรักษาด้วยการเป่า ความจริงคือ งูสวัดเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยยาแผนปัจจุบัน การเป่าเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล
• งูสวัดติดต่อเฉพาะผู้สูงอายุ ความจริงคือ งูสวัดสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
• งูสวัดเป็นโรคติดต่อ ความจริงคือ งูสวัดไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้โดยตรง แต่เชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ สามารถแพร่กระจายได้หากสัมผัสโดนตุ่มน้ำใส
• งูสวัดหากฉีดวัคซีนอีสุกอีใสแล้วไม่ต้องไปฉีดเพิ่มอีก ถึงแม้ว่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส กับโรคงูสวัดจะเป็นชนิดเดียวกัน แต่สำหรับวัคซีนโรคงูสวัด จะมีความเข้มข้นมากกว่าวัคซีนโรคอีสุกอีใสถึง 14 เท่า ดังนั้นถึงแม้ว่าวัคซีนทั้งสองชนิดจะสามารถปกป้องร่างกายจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกัน แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้
หากสงสัยว่าเป็นงูสวัด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือทำการรักษาด้วยวิธีที่ไม่ได้รับการรับรองทางการแพทย์
การรักษาโรคงูสวัด แพทย์จะให้ยาต้านไวรัส ซึ่งควรจะกินยาต้านไวรัสภายใน 2 – 3 วันหลังเกิดอาการ เพื่อลดความรุนแรง และช่วยให้หายเร็วขึ้น โดยหลังจากที่ผื่นโรคงูสวัดหายแล้ว อาจมีอาการปวดบริเวณรอยโรคอยู่นานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน แต่อาการปวดนี้ สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยา หรือทายาแก้ปวดบางชนิด
Advertisement