ฝุ่น PM 2.5 ฆ่าคนช้าๆ แค่หายใจก็เสี่ยงมะเร็งปอดจริงไหม!? มารู้จักสูตรโกงสุขภาพดี Biohacking ฟื้นฟูจากภายใน พร้อมวิธีขับฝุ่นออกจากร่างกายต้องทำอย่างไร
หมอแทน-นพ.ธนีย์ ธนียวัน (Doctor Tany) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปอดและเวชบำบัดวิกฤต ร่วมพูดคุยเรื่องฝุ่นกับ "ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์" ผ่านรายการ "PrimeCast" รายการด้านสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และการใช้ชีวิตอย่างมีพลัง โดยเผยว่า คนไทยอย่าชินกับฝุ่น แค่ AQI 50 ก็ไม่ใช่อากาศปกติ PM 2.5 เล็กพอเข้ากระแสเลือด ทำลายร่างกายถึงระดับเซลล์! หายใจเข้าก็เหมือนสะสมสารพิษ เสี่ยงมะเร็งปอด อย่ารอให้ร่างพัง! มารู้จักสูตรโกงสุขภาพดี Biohacking ฟื้นฟูจากภายใน พร้อมวิธีขับฝุ่นออกจากร่างกายต้องทำอย่างไร
ประเทศไทยตอนนี้มีปัญหาเรื่องฝุ่นเยอะมาก คุณหมอดูแลตัวเองยังไงบ้าง ?
หมอแทน : ผมกลับมาช่วงที่ฝุ่นมันเยอะทุกปีเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าที่เมืองนอกมันหนาว ตอนนี้พอดีเราก็ไม่อยากอยู่ที่หนาว ๆ กลับเมืองไทย วันที่กลับมาวันนั้นเป็นวันที่ฝุ่นน้อยนะครับ แล้วพ่อแม่ที่มารับก็บอกว่าวันนี้ฝุ่นไม่ค่อยเยอะ แต่พอเปิดประตูตรงสุวรรณภูมิลงมาคือรู้เลย เพราะว่าเรามาจากที่ที่ GQI 3 แล้วเราไม่เคยเจอฝุ่น แต่พอลง ๆ มาถึงสนามบินปุ๊บ วันนั้นรู้สึก GQI 50 ซึ่งมันไม่แย่มันดีเลย แต่คือเรารู้เลยว่าไม่ปกติและเราหายใจที่มันไม่ใช่อากาศปกติ
แต่ทุกวันนี้ที่เราอยู่กัน ณ ปัจจุบัน เวลานี้คือ 200 สีแดง สีส้ม สีแดงตลอด แล้วปีนี้คือเป็นครั้งแรกที่เห็นสีม่วงด้วยไม่เคยเห็นมาก่อน ?
หมอแทน : สีม่วงคือรู้สึกมันจะเกือบ 300 เยอะเลย
ผลกระทบของสิ่งนี้กับร่างกายเราก็น่าจะมีผลมากเลย มันเกิดขึ้นเพราะอะไร PM 2.5 ?
หมอแทน : เป็นการแบ่งขนาดฝุ่นตามเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 นี่คือ 2.5 ไมโครเมตร คืออะไรที่มัน 2.5 เล็กกว่านั้นก็ถือว่าเป็นฝุ่น PM 2.5 เล็กแบบสายตาเราไม่มีทางมองเห็นได้เลย เราก็จะเห็นเหมือนเวลาที่เราขับรถบนทางด่วนเราเห็นเหลือง ๆ อย่างงี้ เหมือนหมอกเลย มันเป็นทะเลฝุ่นซึ่งมันเป็นพิษ
เกิดขึ้นจากอะไร มันคือภาวะทางธรรมชาติหรือว่ามันคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ?
หมอแทน : พวกนี้ก็ส่วนใหญ่จะเป็น Man-Made ที่ถูกสร้างขึ้นมา อะไรก็แล้วแต่ที่เรามีกิจกรรมที่ทำให้เกิดควันทุกชนิดเลย ก็คือมันทำให้เป็น PM 2.5 ได้ เช่นง่าย ๆ เลยรถยนต์ การสูบบุหรี่ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่จริง ๆ หรือบุหรี่ไฟฟ้าก็มีผลแล้ว มันก็สร้างได้ PM 2.5 มันมาจากทุกอย่างที่ทำให้เกิดควันได้ เราทำกับข้าวในบ้านก็มีควันได้ พวกนั้นก็ใช่หรือเราเผาต้นไม้ เผาไร่อ้อย ทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าแล้วอะไรที่เป็นส่วนประกอบของ PM 2.5 ที่เราดมเข้าไปตรงนั้น เพราะว่าแต่ละที่ไม่เหมือนกัน เช่น สมมุติว่าเราอยู่กลางเมืองก็รถซะส่วนใหญ่ใช่ไหม แต่ถ้าเราอยู่ตรงที่เขาเผาต้นไม้ก็มันก็เป็นฝุ่นอีกแบบหนึ่ง
แล้วแบบนี้ถ้าเกิดว่าคนรอบ ๆ ตัวสูบบุหรี่ ทำยังไง ?
หมอแทน : เราก็ไม่เข้าใกล้เขา
บุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ธรรมดาอันไหนอันตรายกว่ากัน ?
หมอแทน : บุหรี่จริงมันก็จะมีสารอย่างอื่นเยอะกว่า ทำให้อาจจะมีอันตรายอะไรเยอะแยะไปหมด แต่บุหรี่ไฟฟ้าปัญหาของมันก็คือมันนิโคตินสูงกว่า ติดง่ายกว่า High ง่ายกว่าเลิกยากกว่าอีกต่างหาก งั้นบางคนที่เขาใช้มันก็จะกลายไปเป็นติดนิโคตินพวกนี้ ซึ่งนิโคตินก็ไม่ได้ของที่ปลอดภัยกับร่างกายแล้วเดี๋ยวนี้ถ้าทำให้มันมีกลิ่นหอมหวาน คนที่ปกติเค้าไม่ควรจะสูบบุหรี่ เช่น ผู้หญิง เด็ก ก็จะหันไปสูบพวกนี้เยอะขึ้นแล้วก็แน่นอนว่าอาจจะมีปัญหาอะไรตามมาในอนาคตก็ได้ ถ้าเราว่ากันที่มวลต่อมวลโอเคเป็นฝาแฝดแล้วกันคนหนึ่งสูบบุหรี่ไฟฟ้าคนหนึ่งสูบบุหรี่แบบธรรมดา โอเคสารพิษในบุหรี่ไฟฟ้ามันอาจจะน้อยกว่าแต่ถ้าพูดถึงในแง่ภาพรวม ปริมาณคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามันจะเยอะกว่าบุหรี่จริงแล้วตอนนี้
แล้วร้านปิ้งย่างที่เผาเตาถ่าน มี PM 2.5 ไหม ?
หมอแทน : มีเยอะเลย พวกนี้เวลาที่ปิ้งแล้วมันเป็นดำ ๆ แน่นอนว่ามันก็คือสารก่อมะเร็งดี ๆ เหล่านี้เองแล้วถ้าเกิดไปทุกวันปิ้งมันทุกวัน ปิ้งแล้วก็สูดเข้าไปตลอดเวลาก็ได้สารได้ทั้ง PM ได้ทั้งสารก่อมะเร็ง คือสารก่อมะเร็งตรงนั้นมันเป็น 1 ใน PM 2.5 ที่กลายมาเป็นควันเพราะทุกอย่างที่มันเป็นควันได้มันก็มี PM 2.5 ได้เหมือนกัน
ได้รับ PM 2.5 ไปทุกวันเป็นระยะเวลานาน ๆ มีผลต่อสุขภาพยังไงบ้าง ?
หมอแทน : ในระยะสั้นคือโดนเข้าไปก็แสบตาคันตาผื่นขึ้น บางคนก็ภูมิแพ้กลิ่นคัดจมูก น้ำมูกไหล ไซนัสมา เจ็บคอ บางคนก็เป็นโรคหอบหืดกำเริบหายใจแล้วมันไม่สะดวกหายใจไม่อิ่มแน่นหน้าอกแล้วก็เหนื่อยง่ายพวกนี้คือเป็นผลข้างเคียงที่เจอทันทีเดี๋ยวนั้นเวลาที่เราสูดเข้าไป ต้องอย่าลืมว่ามันเยอะขึ้นทุกปี แล้วตอนนี้มันเยอะมาก ๆ เลย แล้วระยะยาวถ้าสมมติว่าประเทศไทยยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราคนไทยต้องเจอกับ PM ไปเรื่อย ๆ ระยะยาว ลำบากมาก ต้องบอกว่า PM 2.5 มีผลที่เยอะมาก มันเล็กพอที่จะเข้าไปส่วนที่ลึกที่สุดของปอดได้ แล้วก็จะดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้โดยตรง แล้วเลือดเรามันไปทั้งร่างกายเลย ไปตรงไหนตรงนั้นก็มีปัญหากับทุกระบบของร่างกาย ถ้าไปที่สมองระยะยาวก็อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับโรคความจำเสื่อม อัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง ถ้าปอดแน่นอนว่าโรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลม มะเร็งปอดก็อีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าเรื่องต้านทานภูมิ มันเสียไปได้ง่ายถ้าเกิดว่าเจอฝุ่นเยอะ ๆ มันจะทำให้เวลาไปเจอเชื้อโรคต่าง ๆ จะไม่สามารถสู้ได้ภูมิต้านทานเราก็จะอ่อนแอลง ก็แล้วแต่ว่ามันไปตรงไหนแล้วก็เกิดปัญหาตรงนั้น ดังนั้นคือไม่ว่าจะพูดถึงอวัยวะไหน มันก็จะมีปัญหาที่อวัยวะนั้นได้ แล้วยังมีเรื่องจิตใจอีก งานศึกษามาแล้วว่าถ้ามันไปยุ่งกับทางด้านจิตใจมาก ๆ เกี่ยวข้องกับสารเคมีในสมองเยอะ ๆ ก็อาจจะมีโรคต่าง ๆ ทางด้านจิตใจตามมาได้ นี่แค่อาจจะแต่ว่าโดยทฤษฎีอาจจะมีความเกี่ยวข้องกัน เช่นเรื่องของการเป็นโรควิตกกังวล โรคสมาธิสั้นซึมเศร้าอะไรพวกนี้ อาจจะมีความเกี่ยวข้องกันก็ได้แล้วที่คนอาจจะคิดว่ามันไกลตัวเรื่อง PM 2.5 แล้วไม่ค่อยให้ความสนใจเดี๋ยวเจอประเด็นนี้เข้าไปคิดว่าหลายคนน่าจะสนใจแน่ ๆ ก็คือมันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็คือเป็นทุกอย่างที่สามารถเป็น
แบบนี้วิธีดีที่สุดก็คือทำให้ร่างกายแข็งแรง ?
หมอแทน : แข็งแรงจากข้างในทั้งด้านจิตใจทั้งด้านร่างกายของเราแล้วก็พยายามลด อย่าให้ฝุ่นมันไปยุ่งอะไรกับเรามาก
ตอนนี้เทรนด์สุขภาพกำลังมาในเรื่องของการ Biohacking ร่างกาย เรามีวิธีการ Biohacking ฝุ่น PM 2.5 ไหม ?
หมอแทน : ต้องบอกว่า Biohacking มันคืออะไรก่อนดีกว่า มันเป็นรู้สึกมันเป็นเทรนด์ของเดี๋ยวนี้ คือ Bio มันก็คือชีวะ คือพูดง่าย ๆ ก็ร่างกายของเรานั่นแหละ hacking ก็มันหมายความว่าเราอยากจะไป เหมือนหลังบ้านมันมีระบบอะไรสักอย่างที่อยู่ในร่างกาย แล้วเราไปเปลี่ยนมันได้ไหม อย่างเช่นถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ Biohacking ของมันก็อาจจะเป็นการเข้าไปเปลี่ยนภาษาคอมพิวเตอร์ข้างใน ของคนก็อาจจะไปเปลี่ยนยีนหรือเปลี่ยนวิธีในการทำอะไรสักอย่างของเซลล์ของเรานะครับ
ถ้าบอกว่า Biohacking ในแง่ของการป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในร่างกาย มันคงแฮกไม่ได้ คือเราสูดเข้าไปอยู่ดี แต่มันคงจะต้องไปแฮกหลังจากนั้นว่าเราจะทำยังไงกับร่างกายเราได้บ้าง เพื่อให้ผลกระทบจากฝุ่นที่เราสูดเข้าไปมันลดลงแน่นอนประการแรกก็คือเรื่องของการที่ฝุ่นมันสามารถทำให้เกิดการอักเสบโดยกระบวนการสารอนุมูลอิสระที่มันสร้างขึ้นมา ถ้าวิธีโดยธรรมชาติเลยทุกคนก็คงจะทราบดีว่าโอเคการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ที่ไม่ได้หนักจนเกินไปก็เป็นส่วนช่วย การที่เรานอนพักผ่อนให้เพียงพอมันก็ช่วยได้อยู่แล้ว อันนี้เป็นวิธีธรรมชาติแน่ ๆ การที่เราทำให้จิตใจของเราสบายไม่เครียด ลดความเครียดต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยลดเรื่องพวกนี้ได้ แต่แน่นอนเดี๋ยวสมัยนี้คือคนก็ใช้ชีวิตแบบนั้นไม่ได้ นอนไม่ตรงเวลาบ้าง เราอยากจะไปเที่ยวบ้าง
มีอาหารเสริมอะไรที่ช่วยได้ไหม ?
หมอแทน : ถ้าเราเอาอะไรที่มันต้านอนุมูลอิสระเข้าไปในร่างกายมันน่าจะช่วยได้ แต่นั้นบอกก่อนว่านี่คือทฤษฎีเท่านั้น มันไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการกินสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไปในร่างกายหรือฉีดเข้าไปมันจะช่วยได้ ไม่มีวิจัยเรื่องนี้แต่ว่ามีทฤษฎีดังนั้นถ้าเราจะเลือกกินก็ได้ไม่ได้มีปัญหาอะไร บางคนอาจจะเลือกของธรรมชาติก่อน เช่น อาจจะกินพวก บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี หรืออะไรที่เป็นผักใบเขียว ชาเขียว ซึ่งมันมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะแยะไปหมด หรือบางคนอาจจะบอกว่าพวกเบอร์รี่ได้ไหม
สารต้านอนุมูลอิสระ โอเคอันนี้ก็คือเป็นธรรมชาติล้วน ๆ ก็ดีส่วนหนึ่ง แต่บางคนก็บอกว่า กินไม่ไหวมัน มันเหม็นเขียว มันเยอะเราไม่ชอบกินผัก บางคนก็จะไปขอกินอาหารเสริม อันนี้แล้วแต่บางคน แต่อย่างที่บอกทั้งหมดที่เราคุยกันมันเป็นแค่ทฤษฎีส่วนว่ากินเข้าไปแล้วมันช่วยได้จริง ๆ หรือเปล่า อีกเรื่องหนึ่ง มันอาจจะช่วยก็ได้นะ แต่เราไม่มีหลักฐานในตอนนี้ที่บอกว่ามันช่วย ดังนั้นถ้าเราเห็นโฆษณาว่า ช่วยนั่นช่วยนี่โอเคมันเอาไปทดลองในหลอดทดลอง ตัวนี้มันต้านอนุมูลอิสระจริง ๆ แต่ว่าเอาเข้าไปในร่างกายเราแล้ว มันจะลดผลของ PM 2.5 หรือเปล่าไม่มีใครบอกได้
มีเทคนิคการออกกำลังกายที่ช่วยอะไรเราได้บ้าง ?
หมอแทน : ต้องบอกว่า PM โชคดีอย่างหนึ่งที่มันบางส่วนสามารถขับออกจากร่างกายได้โดยเหงื่อ กับ ปัสสาวะ ถ้าเรากินน้ำให้เพียงพอ หรือทำอะไรที่ได้ที่มันเหงื่อ หรืออาจจะออกไปวิ่ง แต่อย่าไปวิ่งวันนี้ฝุ่นเยอะแล้วกัน ถ้าเราไปอยู่ในยิมโอเคเหงื่อออกได้ หรือจะซาวน่าก็ได้เหมือนกัน ก็ให้เหงื่อออกก็เป็นใช้ได้
เรามีการปรับไลฟ์สไตล์อะไรได้บ้างให้เข้ากับบ้านเมือง ณ ตอนนี้ ?
หมอแทน : อันนี้แน่นอนว่าข้อแรกเราต้องดูก่อนว่าตอนเช้าฝุ่นมันเยอะแค่ไหน เราจะได้เตรียมตัวออกจากบ้านได้ถูก เพราะว่าบางทีเราก็ดูเรื่องของ AQI ถ้าเกิดว่าวันไหนมัน 50 หรือต่ำกว่า คือเรียกว่าถึงแม้มันจะไม่ดี แต่มันก็โอเคสำหรับคนทั่ว ๆ ไป แต่ถ้า 50-100 คนที่มีโรคปอดโรคหัวใจโรคเรื้อรังต่าง ๆ ถ้าจะออกไปต้องใส่หน้ากากเลย เพราะว่ามันอาจจะทำให้โรคของเขากำเริบขึ้นมาได้
ต้องเป็นหน้ากากแบบไหนถึงจะกันฝุ่นได้ ?
หมอแทน : แน่นอนว่าดีที่สุดก็คือ N95 แต่มันใส่กันไม่ได้หรอกเพราะว่าอึดอัด ก็ต้องอะไรที่มันดีรองลงมา นั่นก็คือต้องเป็นหน้ากากที่มันแนบไปกับหน้าที่ไม่ใช่หน้ากากผ้า เดี๋ยวนี้ก็มีหน้ากากหลากหลายยี่ห้อที่เขาทำให้มันเข้ากับรูปหน้าได้พวกนั้นก็ถือว่าใช้ได้ดี ควรจะต้องใส่และเพราะว่าคนเราสูดเข้าไปทุกวันจนชิน เราก็ไม่รู้ว่ามันอันตรายแต่พวกนี้มันสะสมไปเรื่อย ๆ ช่วงที่อ่อนแอมันก็จะออกอาการอะไรต่าง ๆ ที่เราไม่อยากให้มันออกมาตอนนั้นแหล่ะ
แนวโน้มในอนาคต PM 2.5 จะเยอะขึ้นหรือน้อยลง ?
หมอแทน : ต้องบอกว่าที่ผ่านมาทั้งหมดแต่ละปีเหมือนมันจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ก็เป็นปีแรกที่เห็นมีสีม่วงขึ้นมาใน AQI ก็เลยรู้สึกว่ามันมีแนวโน้มจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเรายังไม่ไปทำอะไรกับมันซะตอนนี้ อันนี้คือน่ากลัวเพราะทุกครั้งที่ฝุ่นเยอะขึ้นเราก็บ่นกันทีหนึ่ง พอหน้าร้อนมันหายไปก็ไม่มีคนสนใจเลย แล้วมันเป็นยังงี้วนไปวนมา พอเรารู้สึกชินกับมันอยู่กับมันไปได้ แบบนี้ปัญหามันก็ไม่หายไปไหนสักที
Advertisement