Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เสียงบำบัดพาย้อนอดีต ปลดล็อกปมในใจ มีพลังรักษาโรคได้จริงไหม ?

เสียงบำบัดพาย้อนอดีต ปลดล็อกปมในใจ มีพลังรักษาโรคได้จริงไหม ?

12 มี.ค. 68
00:05 น.
|
77
แชร์

คุณแจน-นวณัฐ ศรียุกต์สิริ นักคลื่นเสียงบำบัด ที่ใช้ศาสตร์เกี่ยวกับการอาบคลื่นเสียง Sound Bath “เสียงบำบัด” เยียวยาทุกความรู้สึกผ่านคลื่นเสียง หาความถี่ที่เข้าถึงตัวตนเบื้องลึก มาพูดคุยกับ "ชมพู่ อารยา" ผ่านรายการ On the way with Chom ไขข้อข้องใจเสียงพาย้อนเวลาในอดีต ปลดล็อกปมในใจ พลังของคลื่นเสียงสามารถเยียวยาโรค และเป็นความหวังแห่งอนาคตของการรักษามะเร็งและอัลไซเมอร์ ได้จริงไหม ?

ทำไมถึงได้มาสนใจเรื่องศาสตร์ของเสียง ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นนักคลื่นเสียงบำบัด ?

คุณแจน : ใช่ค่ะ ตอนแรกๆ ก็ประมาณ 10 ปีที่แล้ว จำได้ว่าอยู่ดีๆ ทุกคนก็ใส่หิน เราก็ก็ใส่ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าใจว่าเวลาที่เขาบอกว่าใส่แล้วมีความรักเข้ามา ใส่แล้วเงินเข้ามา ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ตอนนั้นก็เลยสนใจว่าจะอยากเรียน Crystal Healing ก็เลยติดต่อคนนี้ไป เขาก็บอกว่าไม่ได้สอนคริสตัลอย่างเดียว ต้องเรียน เรกิ (Reiki) ก่อนค่ะ

เรกิ (Reiki) คืออะไรคะ ?

คุณแจน : ยิ่งงงเข้าไปใหญ่เลยนะคะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจไปกดค้นหาว่าเรกิคืออะไร บอกว่าเป็น Noninvasive Healing Modality เวลาเราไปเรียน ก็คือคำว่าเปิดมือเปิดเท้า มันก็จะมองแบบ Spiritual side มาเป็นแบบ Alternative เหมือนกับเปิดมือให้เราเป็นสื่อกลางในการส่งผ่านพลังงาน ผ่านตัวเราไปหาคนที่เขามาทำ แล้วเราส่งพลังไปให้เขา เพราะว่าไปเปิดพลังจากเรกิ มันจะเป็นพลังที่เขาบอกว่าบริสุทธิ์ที่สุด จากแหล่งพลังงานสูงสุดที่เป็นความดีงาม เขาเรียกประมาณนี้ แล้วมันก็คือเข้าไป

มันเป็นฟังดูเป็นนามธรรมมากเลย ?

คุณแจน : ใช่ ทำตอนแรกๆ ก็อย่างนี้ค่ะ อธิบายให้คนฟังแล้วทุกคนก็แบบคือ พอทำมาสักพักหนึ่ง แจนก็รู้สึกว่าอยากจะทำอะไรที่เข้าถึงคนง่าย ตอนนั้นก็เลยเห็นว่ามี Sound Healing อันนี้แบบประมาณ 6 ปี Sound Healing แต่ว่าเรกิ ทำมา 10 ปีค่ะ

ตอนที่เราใส่หินรู้สึกอะไรไหม ?

คุณแจน : ความจริงแล้วอาจารย์ก็รู้สึกว่าไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย แต่รู้สึกว่าเราเข้าใจว่าทำไมถึงต้องใส่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าใส่มันไม่ได้หมายความว่าความรักจะเข้ามาเลยหรอก แต่ว่าหินมันมี Vibration ของมัน มีความสั่นสะเทือนของมันที่สูงกับตัวเรา เพราะฉะนั้นทำยังไงให้ตัวเราจะ Vibrate ได้สูงเท่าเขา ก็คือการที่จะต้องแบบเคลียร์ตัวเองจากสิ่งที่ไม่ดีออก สิ่งที่แบบที่มัน Vibrate ต่ำ ที่คนเขาเรียกว่า Bad Energy

หมายความว่าใส่หินไปแต่ก็ยังอยู่ใน Vibe ที่ไม่ดี ?

คุณแจน : ตอนนั้นมันก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้น แต่ว่าตอนนั้นเราก็เหมือนกับศึกษามัน พอได้หินมาใหม่ก็ไปอ่านดูแล้วว่าหินอันนี้มันควรจะช่วยอะไร ก็เลยแบบอยากเข้าใจว่ามันใช้ยังไง ก็เลยเริ่มศึกษาตรงนั้น

จากเรกิก็เลยมาศึกษาเรื่อง Sound Bath หลักการมันคือยังไง ?

คุณแจน : ใช่ เวลาพูดคำว่าเสียงมันจะเข้าใจยากนิดหนึ่งค่ะ แต่ว่าความจริงแล้วมันคือพลังของการ Vibrate พลังของการสั่นสะเทือน ซึ่งเขาบอกว่าทุกอย่างในโลกเป็น Energy แล้ว Energy ทำอะไร มันก็คือโมเลกุลสั่น แก้วอย่างงี้มันก็มีโมเลกุล แต่มันไม่สั่นเพราะว่าเรามองไม่เห็น แต่ความจริงแล้วมันสั่น เพราะงั้น เพราะฉะนั้นทุกอย่างในโลกเรามันมีเสียงหมด แล้วจะทำยังไงให้เสียงในตัวมันสมดุล นี่คือการที่ฮีลตัว

เหมือนกับว่าเสียงเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการไป Vibrate ?

คุณแจน : ใช่ ทำให้ตัวเรามันสมดุล เหมือนกับว่าเวลาเราอยู่ไปชีวิตเราทุกวัน แล้วพอเราทะเลาะกับใคร เราอารมณ์เสีย มี Bad Energy ที่เขาเรียกเข้ามาปุ๊บ Vibration ของเรามันก็จะไม่สมดุล สมมุติว่ามันเรียงอยู่สวยๆ ก็จะมีอะไรที่มันหลุดออกมา อยู่ไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ฮีลเลย มันก็จะเป็นมากขึ้น ๆ จนกลายเป็นสบาย เขาบอกว่าตัว Physical Body ของเรา มันเป็น Manifestation ของ Emotion ของเรา เพราะฉะนั้นทำไงให้มัน Heal emotion ฮีลจากการเริ่มต้น แล้วถ้าเกิดจะให้อธิบายก็คือว่าตัวเราเป็นน้ำ 70 เปอร์เซ็นต์ ในตัวของ Human Body มนุษย์เรา แล้วเสียงอมันเข้าไป Vibrate เหมือนกับว่าเวลาเราโยนหินลงไปในน้ำ มันก็จะเป็น Vibration ออกมา

เวลาพูดถึง Sound Healing ก็จะนึกถึงอุปกรณ์ ก็มีโบวล์ แล้วก็มีไม้อันหนึ่ง ?

คุณแจน : ใช่ค่ะ ซึ่งจะมี 3 แบบ แจนใช้โบวล์แบบหนึ่ง แล้วก็ใช้เครื่องมืออย่างอื่นด้วย ใช้เสียงตัวเองด้วย แต่โบวล์มี 3 แบบ คือ 1 อันนี้น่าจะเคยเห็นเยอะที่สุดคืออันที่เป็น Tibetan Bowl ที่เป็นเหมือนเหล็กๆ ความจริงอันนั้น ทำมาเพื่อให้กินข้าว

เหมือนบาตรไหม?

คุณแจน : ใช่ มันคือบาตร เมื่อก่อนนี้คนอินเดียเขาใช้ทำบาตรค่ะ อันที่ 2 ก็คือเป็น Crystal Bowl แต่เป็นสีขาวที่มันหนาๆ หน่อยค่ะ แล้วก็อันที่ 3 คืออันสีๆ ซึ่งแจนใช้ก็เป็นของคนอเมริกาทำขึ้นมา มันชื่อ Crystal Tones ซึ่งเป็นถ้วยที่แจนชอบเรียกว่ามันเป็นแอร์เมสของถ้วย เพราะราคามันแพง แล้วมันก็ได้ยากด้วย สมมุติว่าอาจารย์อยากได้หินที่มันหายาก มันอาจจะหาไม่ได้ เพราะว่าเขาอาจจะทำไปแล้วเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เหมือนเขาซื้อหินมาทีเดียวแล้วเขาก็ทำ แล้วแบบพอ 10 ปีต่อมาคนจะหาอันนี้ก็อาจจะไม่ได้แล้ว หรือว่ามันอาจจะผสมไม่เหมือนกันแล้ว คือบางทีมันก็เป็นถ้วยโรสควอตซ์อย่างเดียว บางอันก็เป็นโรสควอตซ์ผสมกับหินอย่างอื่น

แบบนี้ถ้วยมันก็เหมือนสร้อยไหม ที่แบบว่าโรสควอตซ์ก็คือช่วยเรื่องนี้ ?

คุณแจน : ใช่ ประมาณนั้นเลย แต่ว่ามันมีมากกว่านั้น เพราะว่า In the end แล้วคือใช้ถ้วยอะไร มันก็เวิร์คได้ มันอยู่ที่ความตั้งใจของเรา สมมุติว่าแจนมีแค่ถ้วยเดียว ถ้าแจนมีเงินซื้อแค่ถ้วยเดียว มันก็เวิร์คอยู่ดี สมมุติว่าจะมาทำให้พี่ชมพู่ แบบรู้สึกว่าอยากเคลียร์ Energy ที่มันไม่ดีออกไป ยังไงถ้วยอันนั้นมันก็เป็น Vibration ที่สูงกว่าเราอยู่ดี เพราะฉะนั้นทำไปมันก็ไปเคลียร์ของมัน แล้ว Intention ของเราคือการบอกว่า เราอยากให้มันเคลียร์นะ

ประเภทของหินมีผลต่อคลื่นไหม ?

คุณแจน : มี เพราะว่าหินทุกอันคลื่นไม่เหมือนกัน โมเลกุลเขาไม่เหมือนกัน แล้วถ้วยแต่ละถ้วยทำออกมาเสียงไม่เหมือนกันอีก ที่เขาบอกว่าเป็น C D E F G โดเรมีฟาซอล มันก็จะ Create กับตรงจักระเราอีกค่ะ เพราะว่ามันมี 7 เสียง มี 7 โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด มี 7 เหมือนกัน จักระก็มี 7 มันก็จะแล้วแต่อันไหนเข้ากับตรงไหนของร่างกายเรา

แล้วมันมีไหมว่าความถี่เท่านี้ โน้ตนี้กับจักระนี้เพื่อฟื้นฟูเรื่องนี้ ?

คุณแจน : ถ้าเอามาพูดตอนนี้เขาบอกว่าเสียงเพลงของยุคนี้มันใช้เฮิรตซ์ 440 ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็นเฮิรตซ์ที่ไม่ดีมากๆ เลย เขาบอกว่ามัน Unhealthy เพราะว่าเขา Tune ให้มันเป็น 440 เฮิรตซ์ แล้วเขาบอกว่ามันเพิ่งมาเปลี่ยนตอนหลัง แล้วเฮิรตซ์ 440 เขาบอกว่าฟังแล้วมันไม่ดีต่อร่างกายแต่ก็ไม่รู้จริงไหม เพราะว่ามันก็มีเพลงบางเพลงที่เราฟังแล้วเรารู้สึกมีความสุขนะ เพราะนั้นแจนว่ามันมีหลาย Layer การเป็นเสียงค่ะ มัน มันช่วยฮีลได้หลายอย่าง

ส่วนใหญ่เขามาด้วยจุดประสงค์อะไร ?

คุณแจน : ตอนแรกๆ เลยทุกคนจะมาเพราะว่าอกหัก จะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเศร้ามาก จนเราอยากจะหาอะไรมาช่วยตัวเอง แต่ความจริงแล้วไม่ได้ฮีลตรงนั้น จะพอมาถึงจะบอกว่าเราไม่ได้มาช่วยให้หายอกหักนะ เพราะว่าจะมาช่วยให้เข้าใจว่า ทำไมเราถึงมีชีวิตที่เป็นแบบนี้ ต้องการจะเปลี่ยนชีวิตยังไง จะฮีลตัวเองยังไงให้อันบล็อกสิ่งพวกนี้ จะได้ไม่ได้คนแบบเดิมแล้ว จะได้ไม่ได้คนที่เขาไม่พร้อม คนที่เขาจะแบบไปมีคนอื่น หรือว่าอะไรก็ตามค่ะ

เหมือนให้หลุดจากแพทเทิร์น ?

คุณแจน : ใช่ เพราะว่าทุกคนจะมีแพทเทิร์นถ้าพี่ชมพู่ดูชีวิตตัวเอง ก็คงมีแพทเทิร์นเหมือนกัน แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องนี้ก็ได้ เพราะว่ามีความสุขแล้ว อาจจะมีแพทเทิร์นเรื่องอื่น คนที่เข้ามาอาจจะเคยมีแพทเทิร์น แต่ว่าหลุดจากแพทเทิร์นไปแล้ว ซึ่งบางคนก็หลุดได้โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วย แต่บางคนก็ต้องการให้คนช่วยนิดหนึ่งค่ะ

มันพาไปให้เราเห็นแพทเทิร์นยังไง ?

คุณแจน : เวลาเราทำ Session ปุ๊บ บางคนถ้าเป็น Sound Healing นะคะ บางทีมันจะเห็น Vision ขึ้นมาว่า อ๋อ! มันเป็นอย่างนี้นะ แล้วก็อาจจะกลับเข้าไปนึกว่าเราเคยเกิดอย่างงี้ขึ้นแล้ว เสียงจะช่วยนำพาเราไป

พาเราไปที่ภาวะนั้นได้ ?

คุณแจน : ใช่ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งก็คือว่าเสียงมันเข้าไปสะกิด นึกดูว่าเวลาฟังเพลง บางเพลงที่มันแฮปปี้ ก็ทำให้เรารู้สึกแฮปปี้ แต่เพลงที่ไม่แฮปปี้ คำแต่ละคำก็มี vibration ของมันอีก มันก็ดึงเราเข้าไปให้เห็นอะไรบางอย่าง เพราะฉะนั้นบางทีคนที่เขานอนอยู่ อาจจะมีเสียงอะไรที่มาสะกิดให้รู้สึกถึงสิ่งที่เขาต้องฮีล หรือไปสะกิดแล้วกลายเป็นจำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ สิ่งที่เราลืมไปแล้ว มันไม่ได้เป็นแค่คนที่อกหักที่มา บางทีเดี๋ยวนี้มันก็จะเริ่มมีคนที่เป็นซึมเศร้า คนที่เป็น Anxiety

แพนิค ?

คุณแจน : มาเยอะมากเดี๋ยวนี้ ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีเลย เดี๋ยวนี้จะเป็นคนอายุเด็กๆ หน่อยด้วย 20 กว่าๆ จะมาเป็นเรื่องแบบแพนิค เป็น anxiety ค่ะ บางคนทานยาแล้วรู้สึกว่าไม่ดีขึ้น เราก็ไม่ได้บอกให้เขาหยุดทานนะไม่ใช่ เขามาหาเรา ๆ ก็เริ่มถามเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตเขา แล้วก็ค่อยๆ คุย เหมือนมาพูดกับพี่สาวหรือน้องสาว แต่ว่ามันก็จะมาจากที่เราฮีลตัวเองมาก่อน พอเราฮีลตัวเองปุ๊บ เราก็จะเข้าใจตัวเองมากขึ้น การเข้าใจตัวเอง มันเหมือนกับเดี๋ยวอาจจะเจอคนเยอะ บางทีมีคนเดินเข้ามาในห้องแล้วรู้เลยว่าคนนี้แบบ Bad Energy เพราะว่าเราจำได้ว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร

เคยเจอคนที่มานั่งทำ Sound Bath แบบไหนบ้าง ?

คุณแจน : ความจริงความรู้สึกมันจะเริ่มจากที่ไม่รู้สึกอะไรเลย อย่างผู้ชายส่วนมากจะถูกสอนมาให้แบบเวลาร้องไห้ตอนเด็กๆ ก็อย่าร้องไห้เลยเป็นเด็กผู้ชาย เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะว่าเขาบล็อกจนเขาไม่รู้สึกว่าเขามีความรู้สึกแล้ว ถ้าบางคนจะบอกว่าฉันไม่ได้ร้องไห้มา 10 ปีแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้สึกนะ แต่มันเป็นเพราะว่าเขา Connect กับตัวเองไม่ได้ สิ่งที่มาทำนี้ก็คือเรามาสอนให้เขา Connect กับตัวเอง แต่มันต้องมาทำเรื่อยๆ อย่างแรกก็คือไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วก็จะมีคนที่เริ่มมือสั่นตัวกระตุก ร้องไห้ หรือไปไกลกว่านั้นก็คือระลึกโน้นนี่นั่นที่อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชาตินี้ก็ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้วก็ได้

สรุปประโยชน์ของการทำบำบัดด้วยเสียง ?

คุณแจน : ได้หลายอย่าง บางคนก็มาแล้วเขาก็ได้แค่รีแลกซ์ แต่รีแลกซ์มันก็เยอะสำหรับเขาแล้ว เพราะอันนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ คนที่นอนไม่หลับถ้ามาทำเรื่อยๆ ก็อาจจะช่วยให้เขานอนหลับได้มากขึ้น คนที่เครียดก็ได้ปลดปล่อย อันนี้เป็นสิ่งที่คิดว่าทุกคนรู้สึกเลยค่ะ คือทำแล้วมันจะรู้สึก เพราะว่าต้องการให้คนที่มาหาได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เราจะยอมรับตัวเองมากขึ้น Self-love การเริ่มโดยการรักตัวเองในทุกมุม

มีงานวิจัยหรือการทดลองอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับคลื่นเสียงบำบัดบ้าง ?

คุณแจน : จริงๆ ตอนนี้มันมีเยอะมากเลยค่ะ แต่ว่าอันที่เห็นหลายๆ ครั้ง เป็นหมอชื่อ Mitchell Gaynor ค่ะ แต่ว่าตอนนี้เขาเสียชีวิตแล้ว เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาทำเกี่ยวกับมะเร็ง ลูกค้าเขาเป็นมะเร็ง แล้วเขาก็เอาไปใช้กับคนไข้ตอนที่เขาต้องการฟื้นฟู ไม่ได้ใช้ฮีลโดยตรง แต่ว่าช่วยให้คนที่เป็นมะเร็งไม่เครียดกับที่ตัวเองเป็น ความจริงมันไปไกลมากเห็นว่ามีการศึกษาที่กำลังทำอยู่ เอามาใช้ในการฆ่าเซลล์มะเร็ง ยังอยู่ในการวิจัย เอามาลองใช้ Sonic Energy ซึ่งเราใช้กันอยู่แล้วในเครื่องต่างๆ พวกเวชกรรม ความงาม แต่อันนี้เขาเอามาปรับ เพราะมะเร็งบางจุดผ่าไม่ได้ แล้วก็มีหมอคนหนึ่งที่อเมริกา เขาใช้ 40 Hz ช่วยคนที่เป็นอัลไซเมอร์ คนที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอัลไซเมอร์ เขาก็จะเอาคนๆนี้มาแล้วอาจจะให้ฟังเสียง 40 Hz อาทิตย์ละ 2 ครั้ง 30 นาที แล้วแต่คนว่าเขาจะให้ยังไง ก็ทดสอบไป ส่วนมากคนที่ทำก็จะดีขึ้น 10% หรือเริ่มจำเรื่องราวที่เคยลืมได้

Advertisement

แชร์
เสียงบำบัดพาย้อนอดีต ปลดล็อกปมในใจ มีพลังรักษาโรคได้จริงไหม ?