จับสัญญาณ Love Bombing ทุ่มหนักรักจัดโปรฯ ระวังความสัมพันธ์ ปวด Head กลุ้ม Heart ตอนแรกเป็น "คู่รัก" สักพักเป็น "คู่กรณี"
รักดีๆ ใครก็อยากมี แต่ถ้ามีความรักแล้วต้องมาคอย ปวด Head กลุ้ม Heart มันก็ไม่ไหว ยิ่งเจอความสัมพันธ์ประเภท Love Bombing เข้าไปอีก บอกเลยไม่ต่างจากเดินเหยียบเศษแก้วด้วยเท้าเปล่า
จะยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่หาก พฤติกรรม Love Bombing ทำไปเพื่อหวังทรัพย์สินเงินทองหรือผลประโยชน์อื่นๆ จากอีกฝ่าย บอกเลยว่า จาก "คู่รัก" สักพักกลายเป็น "คู่กรณี" แน่นอน
เมื่อการ "หาคู่" ง่ายแค่สไลด์นิ้วเปิดแอปฯ การเจอ Love Bombing หรือ Romance Scam ก็เป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง เพราะยุคนี้ "มิจฯ" อาจเยอะกว่า "มิตร" ด้วยซ้ำ!
Love Bombing คือการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย และการเอาใจใส่ที่มากเกินไปในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์ หรือในบางกรณีอาจเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดหรือควบคุมอีกฝ่ายให้รู้สึกผูกพันและพึ่งพาได้มากเกินไป ในช่วงแรก คนที่ทำการ Love Bombing อาจจะให้คำชมมากมาย บอกรักเร็วเกินไป หรือให้ของขวัญมากมายที่อาจจะดูเกินจริง ซึ่งทำให้คนที่ได้รับรู้สึกพิเศษและอาจติดกับดักในความสัมพันธ์นั้น
แม้ในช่วงแรก Love Bombing อาจทำให้รู้สึกดีและทำให้คนที่ได้รับรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ แต่ในบางกรณีหลังจากนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม เช่น การควบคุมหรือบังคับให้ทำตามความต้องการของอีกฝ่าย ด้วยการใช้ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยความรักหรือการเอาใจใส่เป็นเครื่องมือในการควบคุม
Love Bombing มักจะถูกใช้ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ เช่น ในความสัมพันธ์กับคนที่มีลักษณะของบุคลิกภาพประเภท Narcissistic หรือบุคคลที่มีปัญหาทางจิตใจ โดยพวกเขาจะใช้ความรักเพื่อดึงดูดและทำให้คนอื่นรู้สึกพิเศษเพื่อที่จะควบคุมหรือจัดการกับพวกเขาได้
Love Bombing มักเกิดขึ้นจากบุคคลที่มีพฤติกรรมหรือปัญหาทางจิตใจบางอย่าง เช่น
ความไม่มั่นคงในตัวเอง : คนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองหรือมีปัญหาทางจิตใจอาจใช้ Love Bombing เป็นวิธีการเพื่อหาความพึงพอใจและการยอมรับจากผู้อื่น เพื่อให้รู้สึกว่าเป็นที่ต้องการและได้รับความรัก
การควบคุม : ในบางกรณี Love Bombing อาจเป็นเครื่องมือในการควบคุมบุคคลอื่น โดยการทำให้คนที่ได้รับ Love Bombing รู้สึกผูกพันและเชื่อใจมากเกินไป ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อการควบคุม
พฤติกรรมจากความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงในอดีต : บุคคลที่เคยได้รับประสบการณ์ในความสัมพันธ์ที่มีการควบคุม หรือได้รับความรักในลักษณะนี้จากผู้ปกครองหรือบุคคลที่ใกล้ชิดอาจทำซ้ำพฤติกรรมเหล่านี้กับคนอื่น
บุคคลที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพ : เช่น Narcissistic Personality Disorder บุคคลที่มีอาการของโรคบุคลิกภาพประเภทนี้มักจะใช้ Love Bombing เพื่อทำให้คนอื่นหลงรักและเชื่อใจเขา จนกระทั่งสามารถควบคุมและจัดการพวกเขาได้
ขั้นตอนที่ 1 : การทำให้รู้สึกพิเศษ
ในช่วงแรกของความสัมพันธ์ คนที่ Love Bombing จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษ โดยการแสดงความรักที่รุนแรง เช่น การบอกรักอย่างรวดเร็ว การมอบของขวัญมากมาย หรือการให้คำชมที่ดูเกินจริง
ขั้นตอนที่ 2 : การสร้างความผูกพัน
เมื่อรู้สึกว่าคุณเริ่มมีความผูกพันแล้ว พวกเขาจะทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเขา มักจะใช้การกระทำที่ทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัย เช่น การโทรหาบ่อยๆ หรือส่งข้อความในเชิงใส่ใจ
ขั้นตอนที่ 3 : การทำให้ตกหลุมรัก
ในช่วงนี้ พวกเขาจะพยายามทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากพวกเขา และพยายามทำให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขา โดยการทำให้คุณรู้สึกพิเศษมากขึ้นเรื่อยๆ
ขั้นตอนที่ 4 : การควบคุม
เมื่อความผูกพันทางอารมณ์เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาอาจเริ่มแสดงการควบคุมที่เป็นลักษณะของการบงการ เช่น การพยายามแยกคุณออกจากเพื่อนหรือครอบครัว หรือการคอยตรวจสอบว่าคุณทำอะไรและอยู่ที่ไหน
ความเร็วในการแสดงออกถึงความรัก : การบอกรักอย่างรวดเร็วภายในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึง Love Bombing เนื่องจากความรักที่แท้จริงต้องใช้เวลาในการพัฒนาและเติบโต
การให้ของขวัญหรือการดูแลที่เกินขอบเขต : ของขวัญมากมาย หรือการให้ความสนใจเกินปกติอาจเป็นการพยายามที่จะควบคุมความสัมพันธ์
การไม่ให้พื้นที่ส่วนตัว : การต้องการให้คุณอยู่กับเขาเสมอ หรือการโทรหาบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณว่าเขาต้องการการควบคุม
การทำให้คุณรู้สึกผิดเมื่อคุณไม่ให้ความสนใจ : การทำให้คุณรู้สึกผิดเมื่อคุณไม่ได้ตอบสนองความต้องการของเขา หรือไม่ได้ให้ความสำคัญเหมือนเดิม
การรับรู้และยอมรับสถานการณ์ : การยอมรับว่าคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีการ Love Bombing เป็นขั้นตอนแรกในการออกจากความสัมพันธ์
การตั้งขอบเขตที่ชัดเจน : ตั้งขอบเขตที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณยอมรับและไม่ยอมรับในความสัมพันธ์ เช่น การไม่ให้ความสนใจเกินขอบเขต หรือการแสดงออกทางอารมณ์ที่ไม่เหมาะสม
การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา : คุยกับคู่ของคุณอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้สึก และสิ่งที่คุณต้องการจากความสัมพันธ์
การขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง : หากคุณรู้สึกไม่สามารถออกจากความสัมพันธ์ได้ด้วยตัวเอง ให้ขอคำแนะนำหรือความช่วยเหลือจากเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญ
การรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง : การยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นและไม่ตำหนิตัวเองเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูจิตใจ
การให้เวลาในการฟื้นตัว : ควรให้เวลาตัวเองในการเยียวยาจิตใจ ไม่เร่งรีบที่จะกลับไปเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่
การหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ : หากคุณรู้สึกว่าคุณไม่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยตัวเอง การขอคำแนะนำจากนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์สามารถช่วยให้คุณจัดการกับความรู้สึกและฟื้นฟูจิตใจได้
การสร้างความสัมพันธ์ที่มีสุขภาพดี : การเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาและสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบที่มีความเคารพและเป็นอิสระจากการควบคุม
Advertisement