ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น มหาเถรสมาคม ออกหนังสือห้ามทุกวัดบังคับผู้ต้องการอุปสมบท ตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนบวช เพราะเป็นการเลือกปฏิบัติ
มหาเถรสมาคม ตอบรับข้อเสนอแนะของ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เรื่องการให้ทุกวัดงดการบังคับให้ผู้สมัครบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ต้องแสดงผลการตรวจสุขภาพและการตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) เนื่องจากเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรม โดยใช้เหตุแห่งการติดเชื้อเอชไอวีมาเป็นข้อจำกัด ที่ลิดรอนโอกาสในการเข้าถึงเสรีภาพในการปฏิบัติธรรมตามหลักศาสนาพุทธ
ทั้งนี้ ข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่า เชื้อเอชไอวีจะไม่ติดต่อจากการทำกิจวัตรประจำวันทั่วไป ไม่ติดต่อผ่านทางระบบหายใจ อีกทั้งเป็นเชื้อที่ตายง่ายเมื่ออยู่นอกร่างกาย หากผู้ติดเชื้อได้รักษาอย่างถูกต้อง รับประทานยาต้านเชื้ออย่างต่อเนื่อง จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง และดำรงชีวิตได้เช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป
ประกอบกับกฎมหาเถรสมาคม กำหนดเพียงว่าผู้ประสงค์จะบรรพชาต้องเป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์ และมีเพียงข้อห้ามที่ไม่อนุญาตให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนที่มีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตรายเท่านั้น โดยให้เป็นดุลพินิจของพระอุปัชฌาย์ แต่การใช้ดุลพินิจดังกล่าวต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงอย่างสมเหตุสมผลตามบริบทของสังคมไทยและข้อมูลทางการแพทย์ ต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของบุคคลด้วย
มหาเถรสมาคมจึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกวัดให้ยกเลิกการตรวจเชื้อเอชไอวีก่อนบวช ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 โดยมหาเถรสมาคมได้มีมติที่ 313/2567 รับทราบความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขตามรายงานของ พศ. ว่าการติดเชื้อเอชไอวี ไม่ใช่โรค จึงไม่เข้าข่ายเป็นโรคที่น่ารังเกียจตามกฎมหาเถรสมาคม พศ. ได้ดำเนินการแจ้งเจ้าคณะใหญ่ทราบ และแจ้งพระอุปัชฌาย์ ถือปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Advertisement