กรณี น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนสิช ชุนดี รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.อาลินดา (สงวนนามสกุล) ที่แอบอ้างใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์หญิงท่านหนึ่ง มาสมัครงานที่คลินิก EST CUTE CLINIC (อิส คิวท์ คลินิก) สาขาห้วยขวาง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ในเบื้องต้นตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับและติดตามจับกุมดำเนินคดีต่อไป
ล่าสุดวันที่ 17 ธ.ค.64 พิมรี่พาย ออกมาไลฟ์สดชี้แจง ระุบว่า "ขอโทษและขออภัยจากใจจริง สำหรับความผิดพลาดในครั้งนี้ เรารื้อประวัติหมอทั้งหมดในคลินิก 10 กว่าท่าน ผลปรากฏว่าเป็นหมอปลอมจริง ๆ ก็ไม่นิ่งนอนใจรีบเข้าแจ้งความ เพราะผู้เสียหายคือคุณหมอที่ถูกแอบอ้าง หมอปลอมคนนี้ใช้ใบประกอบวิชาชีพหมอมาสมัครงาน พร้อมแนบบัตรประชาชนของหมอตัวจริงมาสมัครงานกับอาจารย์หมอที่ประจำที่คลินิก อ้างว่าเคยทำที่คลินิกดัง ๆ 4-5 แห่ง และยังทำคลินิกตัวเองที่รังสิต แถมยังทำช่องแนะนำความรู้ในยูทูบ โดยตอนที่สมัครงานหมอปลอมได้สวมแมสก์มาสมัครงาน ซึ่งทาง HR เห็นว่าหน้าเหมือนประกอบกับเกรงใจ ก็ไม่กล้าให้เปิดแมสก์ จึงไม่ได้ตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนี้ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด หลังจากนี้หากหมอมาสมัครงานจะให้เปิดแมสก์ทุกคน"
ทั้งนี้ ตนจะรับผิดชอบเยียวยาลูกค้าที่ใช้บริการกับหมอปลอมคนนี้ ตนจะเยียวยาทั้งใจทั้งกาย โดยหมอปลอมรายนี้เข้าคลินิกไม่ถึง 10 ครั้ง หากใครพบตัวหรือเบาะแสหมอปลอมคนนี้ ตนจะให้ค่าแจ้งเบาะแส 1 แสนบาท ส่วนเรื่องยา การซื้อยาไม่จำเป็นต้องซื้อบริษัทแม่อย่างเดียว ตนสามารถซื้อต่อมาอีกทีจากบริษัทที่ซื้อมาจากบริษัทแม่ก็ได้ ซื้อมาจากเซลส์ท่านหนึ่ง แต่ที่ไม่ได้ออกมาอธิบายเพราะใช้ยาหลายตัว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเอาใบเสร็จออกมาเปิดเผย เพราะเป็นความลับทางการค้า และเป็นเรื่องของการทำธุรกิจคลินิก
"ถ้าเกิดเหตุแบบนี้อีก พิมปิดคลินิกเลิกเลยเพื่อรับผิดชอบ เรื่องนี้เป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ เชื่อว่าหมอทุกคน คลินิกทุกคนต้องระวังมากขึ้น เพราะมิจฉาชีพได้ใจมาก พิมขอเอาศักดิ์ศรีความเป็นแม่ค้า ความเป็นพิมรี่พาย การันตี รับรองกับลูกค้าเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ" พิมรี่พาย กล่าว
ด้านบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเกี่ยวกับการดูแลผิวหนังและโรคผิวหนังรวมไปถึงด้านสุขภาพความงาม ออกมาประกาศว่า “เรียนลูกค้าผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ “Restylane” ทุกท่านบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มที่มีชื่อทางการค้าว่า “Restylane” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งบริษัทได้รับการสอบถามจากลูกค้าเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าคลินิกชื่อ อิสคิวห์คลินิก สาขาห้วยขวาง ได้ดำเนินการซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผ่านบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด หรือไม่นั้น
ทางบริษัท ขอเรียนขี้แจงต่อท่านว่า บริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบฐานข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว และขอยืนยันว่าคลินิกชื่อว่า “อิสคิวท์คลินิก สาขาห้วยขวาง” ไม่ได้สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผ่านทางบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด แต่อย่างใด ทั้งนี้ บริษัทขอขอบคุณท่านที่ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัท อย่างต่อเนื่องเสมอมา และขอเรียนซี้แจงต่อท่านมา ณ โอกาสนี้
ทีมข่าวรายงานที่อิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง พบว่าคลินิกยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และยังคงมีลูกค้าทยอยเดินทางมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลา 10.30 น. คลินิกปิดให้บริการ เบื้องต้นจากการสอบถามทางผู้มาใช้บริการ ทราบว่าคลินิกแจ้งให้เข้าใช้บริการที่สาขาอื่นแทน แต่ก็ยังคงมีลูกค้าบางส่วนที่ยังไม่ทราบข้อมูลเดินทางมายังคลินิกสาขาดังกล่าว
ต่อมาเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่กองกฎหมายกรมบริการสนับสนุนสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอิสคิวท์คลินิกเวชกรรมสาขาห้วยขวาง ซอยประชาสงเคราะห์พร้อมด้วยคุณหมอพี คุณหมอประจำคลีนิก ซึ่งใช่เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นการมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งสถานที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งพบว่าถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด แต่มีเพียงแค่เรื่องของการโฆษณาไม่ตรงตามความจริง ที่พบว่าผิดกฎหมาย โดยคลินิกมีการโฆษณารูปภาพว่ามีห้องผ่าตัด แต่เมื่อเข้ามาตรวจสอบพบว่า ไม่ได้มีห้องผ่าตัดอยู่ภายใน จึงต้องมีการดำเนินคดีในส่วนนี้ ซึ่งโทษสูงสุดคือการปรับสถานเดียว หากเป็นนิติบุคคลขั้นต่ำปรับ 50,000 บาท และสั่งปรับปรุงแก้ไข
นอกจากนี้ ยังพบความผิดในด้านอื่น ๆ เช่น คลินิกมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยโดยไม่ได้รับอนุญาต และการไม่แจ้งรายชื่อของแพทย์ให้ผู้บริการกับผู้อนุญาต ซึ่งจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมดำเนินคดีต่อไป
ในส่วนเรื่องหมอเถื่อน เป็นหน้าที่ของ ปคบ.ในการดำเนินคดี ซึ่ง ทาง สบส. และจะทำการตรวจสอบ ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาลว่า คลินิกมีส่วนรู้เห็นในการรับหมอเถื่อนเข้ามาหรือไม่ และจะต้องดูว่าช่วงที่หมอเถื่อนมาให้บริการ ใครมีส่วนรู้เห็นบ้าง รักษาใครไปแล้วบ้างซึ่งจะถือเป็นผู้เสียหายทั้งหมด หากพบว่าผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมีส่วนรู้เห็น ก็จะมีการดำเนินคดีในความผิดตาม พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ฐานปล่อยประละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องโทษระหว่างโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ หมอพี หนึ่งในแพทย์ประจำของคลินิก ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวยาที่ใช้ฉีดให้กับลูกค้าเป็นสินค้าที่ถูกต้อง ตนไม่ได้รู้จักและไม่เคยพูดคุยกับหมอปลอมคนดังกล่าว ทราบว่าเขามาสมัครงานพาร์ตไทม์ เพราะที่คลินิกรับหมอพาร์ตไทม์จำนวนมาก
เมื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหมอปลอมคนดังกล่าว มีการทำศัลยกรรมไม่ว่าจมูก ปาก หรือไม่หมอพี ไม่ขอให้ข้อมูล แต่บอกเพียงว่าจะเข้าให้การกับพนักงานสอบสวน ตนยืนยันว่าหากใครที่ใช้บริการกับตนแล้วมีปัญหา ก็พร้อมยินดีที่จะดูแลตามหลักการแพทย์จนกว่าลูกค้าจะพอใจแล้วหายขาด ซึ่งสามารถเข้ามารับบริการได้ โดยจะจัดคิวพิเศษให้ด้วย พร้อมทั้งขอโทษลูกค้าที่เดินทางมารับบริการที่คลีนิกในวันนี้ ขอให้เลือกใช้บริการที่สาขาชินเขตแทน เนื่องจากที่สาขาห้วยขวาง ภายหลังจากนี้จะขอรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อจะเข้าพบและให้การกับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง
นางสาวนาง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ผู้ใช้บริการ เปิดเผยว่า ตนทราบข่าวเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ธ.ค.64) ซึ่งไม่ได้มีความกังวลใจอะไร ตนเชื่อมั่นในตัวของพิมรี่พายว่าหากฉีดแล้วเกิดอะไรขึ้น เขาจะรับผิดชอบ และทุกครั้งที่มีดราม่าเกิดขึ้น พิมรี่พายก็ออกมาแก้ไขปัญหา และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมนำไปปรับปรุง
ส่วนตัวแล้วได้ซื้อโปรสวย 5,000 บาท ผ่านจากการไลฟ์สดเกือบ 1 เดือนแล้ว ในจำนวนนี้ตนจะได้ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ และแฟต แต่ต้องจ่ายมัด 500 บาท จากนั้นได้คิวฉีดวันที่ 15 ธันวาคม 64 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากไม่ว่าง ตนจึงได้เลื่อนนัดมาเป็นวันนี้ (17 ธ.ค.64) นอกจากนี้ ตนมองว่าไม่ได้ศัลยกรรมตกแต่ง จึงไม่มีอะไรที่น่ากลัว อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตนไม่ได้รู้สึกว่าเสียเวลา ที่เดินทางมาแล้วคลินิกไม่เปิดให้บริการ แต่เป็นความผิดพลาดที่ตนไม่ได้ตรวจเช็กให้ดี
ทีมข่าวพยามติดต่อไปหา "หมอหยก" ซึ่งเป็นคุณหมอตัวจริงที่ถูกแอบอ้างชื่อและประวัติแพทย์ จึงทราบว่าหมอหยกได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงว่า “ขอชี้แจงนะคะ ดิฉันนางสาวปิยนุช รัตนโกเศศ ชื่อเล่น หยก ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ตามที่โดนแอบอ้างชื่อไปใช้ในคลินิก ปัจจุบันอยู่ต่างประเทศมาเกือบ 7 เดือนแล้ว หากมีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นภายใต้การถูกแอบอ้างชื่อ ไม่ใช่ตัวดิฉันแน่นอนค่ะ”
นอกจากนี้ยังมีโพสต์ล่าสุดระบุว่า “ทางคลินิกไม่ได้มีการติดต่ออะไรมานะคะ โทรไม่ติดไม่แปลก อยู่ต่างประเทศนะคะ มีแต่นักข่าวจากหลายสำนักติดต่อมา แต่ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมนะคะ โพสต์เก่าใจความชัดเจนครบ ถ้วนอยู่แล้ว”
ทีมข่าวได้พบกับนางสาวใบชา (นามสมมติ) ผู้ใช้บริการอิส คิวท์ คลินิก และเป็นผู้รับบริการจากแพทย์ตัวปลอม เปิดเผยว่า ตนจำได้ว่าช่วงประมาณวันที่ 3 ธ.ค.64 ตนนั่งดูไลฟ์สดของคลินิก จากนั้นก็ได้ตัดสินใจซื้อ 3 โปรโมชัน รวมเบ็ดเสร็จราคาอยู่ที่ประมาณ 20,277 บาท และตนยังซื้อโปรโมชันอีกเป็นการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ในอีกราคา 5,000 บาท แต่ยังไม่ได้ใช้บริการ เพียงแค่ซื้อเอาไว้เท่านั้น ถัดมาไม่กี่วันตนได้รับการติดต่อจากคลินิก ในวันที่ 6 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 12.00 น. ให้เข้าไปรับบริการที่สาขาห้วยขวาง
เมื่อตนเดินทางไปถึงก็ไม่ต้องรอคิวนาน สามารถที่จะเข้าไปรับบริการได้โดยทันที จากนั้นก็ไปเจอกับหมอตัวปลอมคนดังกล่าว ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นหมอปลอม แต่ยอมรับว่าการให้บริการโดยเฉพาะการฉีด มือค่อนข้างเบามาก ๆ และทำได้ดีกว่าหมอจริงหลายคน หลังจากที่มีการฉีดแล้วใบหน้าไม่เขียวช้ำและไม่บวม ถือว่าวงการความสวยความงามให้การยอมรับ เนื่องจากส่วนใหญ่เวลาที่ฉีดแล้วจะมีอาการช้ำเขียวตามมาภายหลัง แต่หลังจากที่ตนฉีดแล้วหมอคนดังกล่าวถือว่าทำได้ดี และยังให้ความรู้เรื่องการกำหนดซีซีของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ พร้อมวิเคราะห์และประเมินอาการคนไข้
กระทั่งตนมารู้ความจริงภายหลังว่า หมอคนดังกล่าวไม่ใช่ตัวจริง ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าหมอกระเป๋าจะมีความรู้มากขนาดนี้ คลินิกจึงได้จ่ายชดเชยคืนเงินเต็มจำนวน และแอดมินเพจก็ยังให้คำมั่นสัญญากับลูกค้าว่า หากมีผลข้างเคียงก็พร้อมที่จะรับผิดชอบและชดใช้ทั้งหมด ซึ่งตนเห็นการแก้ไขปัญหา และการเอาใจใส่ของคลินิก จึงยังความเชื่อมั่นและยืนยันว่าจะทำต่อในโปรโมชันต่อไป
พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานข้อมูลการเดินทางเข้า-ออก กับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ทราบว่าหมอตัวจริงเดินทางออกจากประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดในการออกหมายจับนางสาวอาลินดา (สงวนนามสกุล) ใน 4 ข้อหา ประกอบไปด้วยดังต่อไปนี้
1.ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท
2.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 ปี ปรับ 30,000 บาท
3.แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท
4.ฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท
นายปัญญา รัตนโกเศศ กล่าวว่า ตนรู้สึกเครียดแทนลูกสาวที่โดนแอบอ้างชื่อเช่นนี้ และตนยืนยันว่าลูกสาวของตนไม่ได้รู้จักผู้ก่อเหตุมาก่อน รวมทั้งตนก็สงสัยว่าเขานำบัตรประจำตัวประชาชน และเอกสารต่าง ๆ ของลูกสาวไปใช้ได้อย่างไร ที่สำคัญแล้วใครเป็นคนให้ไป ขณะนี้ลูกสาวอยู่ต่างประเทศ ตนก็อยากให้เขากลับมาแจ้งความฟ้องร้องด้วย ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการปรึกษากันว่าจะมอบหมายให้ตนไปแจ้งความแทนได้หรือไม่
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนางสาวสุภิฌาย์ พิจารณา อายุ 40 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ตนได้ดูรูปของหมอปลอมแล้ว ยอมรับว่าเคยเห็นตอนที่ยังเป็นคลินิกเดิม ก่อนที่จะเปลี่ยนของพิมรี่พาย ส่วนตัวแล้วไม่ทราบว่าเขาเป็นหมอศัลยกรรม แต่ช่วงที่ยังเป็นคลินิกเดิมนั้น ตนจะเดินผ่านหน้าร้านเป็นประจำ ๆ ขณะเดียวกันเมื่อคลินิกดังกล่าวปิดตัวไป ตนก็ไม่เคยเห็นหมอปลอมคนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แพทยสภาได้พัฒนาฐานข้อมูล “ตรวจสอบรายชื่อแพทย์” ซึ่งเป็นข้อมูลข่าวสารของราชการที่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบอันเป็นการคุ้มครองประชาชนและเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม โดยจะแสดงผลเฉพาะแพทย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้ ได้พัฒนาให้สามารถค้นหาและแสดงผลชื่อแพทย์ได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพื่อตอบโจทย์หน่วยงานและหน่วยราชการที่ ถามชื่อภาษาอังกฤษว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่
Advertisement