จากกรณีเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 28 เม.ย. 65 เกิดเหตุแทงกันได้รับบาดเจ็บภาย ในห้องพักหมู่ 6 ซอยสุขี1 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ผู้ก่อเหตุคือ นายนัฐพงษ์ ศรีสุวอ หรือ ก็อต อายุ 25 ปี ซึ่งได้เดินทางมาหาแฟนสาวชาวเมียนมา คือนางสาวนินิอวง อายุ 32 ปี ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดพอดี ที่ห้องพัก พร้อมนำเค้กมาเซอร์ไพรส์วันเกิดแฟนสาวด้วย
แต่ดันมาเห็นภาพบาดตา คือมีชายอีกรายทราบชื่อภายหลัง คือนายเนียงโคโคเย อายุ 28 ปี สัญชาติเมียนมาอยู่ภายในห้องกับแฟนสาวด้วย จึงใช้อาวุธมีดพกสั้นที่พกติดตัวมาด้วยก่อเหตุแทงชายคนดังกล่าวที่แขนด้านซ้ายและเอวด้านซ้าย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะจับตัวแฟนสาวไปขังไว้ในห้องน้ำกับตัวเอง
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ดินทางไปยังห้องพักที่เกิดเหตุ พบร่องรอยคราบเลือดของผู้บาดเจ็บหยดเป็นทาง บริเวณถนนหลายจุด แต่เบื้องต้นพบว่าห้องที่เกิดเหตุปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่ภายในห้อง และถูกใส่กลอนล็อกจากด้านนอก
ส่วนด้านของผู้ดูแลหอก็บอกกับเราผ่านทางโทรศัพท์ว่าไม่มีเบอร์ติดต่อเจ้าของห้องดังกล่าว เนื่องจากเป็นชาวเมียนมา และหลังจากเกิดเหตุก็ยังไม่เห็นว่ากลับมาที่นี่
จากนั้นทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดจากหอพักดังกล่าวช่วงเวลา 23.57 น. ของวันที่ 27 เม.ย. 65 จะเห็นว่านางสาวนินิอวง และนายเนียงโคโคเยเดินถือถุงพลาสติก คาดว่าคงเป็นอาหารพากันมุ่งหน้าเข้าไปที่ห้องเกิดเหตุด้วยท่าทางปกติ เวลา 02.29 น. ด้านของ นายนัฐพงษ์ก็เดินสะพายกระเป๋าพร้อมถือถุงพลาสติกที่ใส่เค้กวันเกิดอยู่ด้วย มุ่งหน้าไปยังห้องที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงบริเวณประตูห้องก็เห็นว่ามีอาการชะงักเหมือนได้ยินเสียงหญิงชายคุยกันหรือทำอะไรกันอยู่ในห้อง
นายนัฐพงษ์จึงยืนฟังอยู่พักหนึ่ง ค่อย ๆ เดินข้ามไปอีกฝั่งของประตูเพื่อไปชะเง้อดูตรงบริเวณหน้าต่างบาดเกล็ด แต่มีผ้าม่านบังไว้ เจ้าตัวจึงค่อย ๆ วางสถุงเค้กลงกับพื้นหน้าห้อง แล้วพังประตูเข้าไป
จากนั้นนายเนียงโคโคเยวิ่งหน้าตั้งออกมาจากห้องเกิดเหตุ เพราะถูกนายนัฐพงษ์ใช้มีดทำร้ายจนเลือดอาบแล้ว สภาพเพียงแค่สวมกางเกงในตัวเดียว มีเลือดเปื้อนบริเวณขาซ้าย ลามมาจนถึงลำตัว ในเวลาถัดมาจะเห็นนายนัฐพงษ์วิ่งตามออกมาจากห้องเกิดเหตุทันที แล้วด้านของนางสาวนินิอวงก็เดินออกมาดูที่หน้าห้อง เดินวนไปวนมา แล้วก็เข้าห้องไป ก่อนจะเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้านิ่งเฉย สวมชุดเดรสสีขาวดำ มีเลือดเปื้อนตรงบริเวณชายกระโปรง
นอกจากนี้ ชาวบ้านในเหตุการณ์ได้ถ่ายรอยหยดเลือดตั้งแต่ชั้น 2 ยาวลงไปยังชั้น 1 และเห็นบรรยากาศตอนเจ้าหน้าที่กำลังเกลี้ยกล่อม นายนัฐพงษ์ที่ขังตัวไว้กับนางสาวนินิอวงในห้องน้ำด้วย
ที่ สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี นายนัฐพงษ์ ผู้ก่อเหตุ ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังตั้งแต่หัวรุ่งผ่านมา เบื้องต้นถูกตั้งข้อหา ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และจะมีการสอบปากคำอีกครั้ง ในขณะเดียวกันวันนี้ด้านของพี่ชายซึ่งเดินทางมาจาก จ.ขอนแก่น ตั้งแต่ประมาณตี 5 ที่ผ่านมา นำน้ำอาหารและเครื่องดื่มมาเยี่ยมน้องชายในห้องขังด้วย และเดินเรื่องยื่นประกันตัวน้องชาย เปิดใจกับอมรินทร์ทีวีว่า น้องชายกับนางสาวนินิอวงคบหาดูใจกันประมาณ 6-7 ปี เดิมทีพักอยู่ด้วยกันที่ จ.อุทัยธานี แล้วได้พากันย้ายมาอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุได้ประมาณ 1-2 ปี ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอด อาจจะมีบ้างที่น้องชายไปอยู่กับตนที่ จ.อยุธยา แต่คนที่ถือกุญแจห้องนี้จะมีแค่ฝ่ายหญิงเท่านั้น
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 65 น้องชายกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ จ.ขอนแก่น แต่ก่อนกลับตนก็เห็นว่าทั้งคู่ยังรักกันดี ยังเอาของไปฝากกันอยู่เลย อน้องชายกลับถึงบ้านก็บอกกับพ่อแม่ว่าจะหาฤกษ์บวชพระเพื่อทดแทนบุญคุณ แต่ด้วยความที่วันนี้ 28 เม.ย. 65 เป็นวันเกิดของฝ่ายหญิง อายุครบ 32 ปีพอดี น้องชายก็เลยออกจากบ้านที่ จ.ขอนแก่น ตั้งแต่ 20.00 น. ของวันที่ 27 เม.ย. 65 โดยบอกกับพ่อแม่ว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดแฟนสาวที่ห้องพัก แต่ไม่ได้บอกให้ฝ่ายหญิงทราบ
ซึ่งเท่าที่ตนได้คุยกับน้องชายก่อนถูกคุมตัวเข้าห้องขังเมื่อหัวรุ่ง น้องชายบอกว่าเขาซื้อเค้กจากร้านสะดวกซื้อมาเพื่อเซอร์ไพรส์ฝ่ายหญิง แต่บังเอิญมาได้ยินเสียงฝ่ายหญิงอยู่กับชายอื่นในห้อง แล้วพอชะเง้อดูผ่านหน้าต่างบาดเกล็ดก็เห็นภาพบาดตา คือทั้งคู่กำลังนัวเนียกันได้ที่ ด้วยความที่ไม่มีกุญแจ จึงพังประตูเข้าไปในห้อง แล้วก็ใช้มีดพกที่มีติดตัวอยู่แล้วแทงเข้าไปที่ชายคนดังกล่าวโดยที่จำไม่ได้ว่าแทงจุดไหนบ้าง เพราะตอนนั้นสติหลุด
ก่อนที่จะถูกคุมตัวมายังโรงพัก เจ้าตัวบอกว่าตอนแรกน้องชายเข้าไปอยู่ในห้องน้ำกับฝ่ายหญิงประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงตี 2 ครึ่ง ไม่ยอมออกมาข้างนอก เพราะกลัวตำรวจชาร์จตัว แต่เมื่อตนไปถึงที่เกิดเหตุประมาณตี 5 กว่าก็พยายามคุยเกลี้ยกล่อมจนน้องชายใจอ่อน และยอมออกมามอบตัวในเวลาประมาณตี 5 ครึ่ง โดยบอกกับตนว่าเหตุผลที่ยอมมอบตัว เพราะรู้สึกหมดหวังกับฝ่ายหญิง
ทั้งนี้ ตลอด 6-7 ปีที่น้องชายคบกับฝ่ายหญิงโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน น้องชายก็พาฝ่ายหญิงไปรู้จักกับพ่อแม่ที่บ้านประมาณ 2 รอบแล้ว ดังนั้นการคบหากันของทั้งคู่เป็นการคบกันแบบเปิดเผย ส่วนตัวและครอบครัวไม่มีใครรู้จักญาติของฝ่ายหญิงเลย อาจจะด้วยความที่เขาเป็นชาวเมียนมาด้วย พร้อมกับยืนยันว่าที่ผ่านมาน้องชายไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาว เพราะเขาเป็นคนคลั่งรัก รักใครรักจริงและรักเดียว ด้วยเหตุผลนี้เมื่อเจอกับสถานการณ์บาดตา คนที่รักมากก็ไม่แปลกที่จะโกรธมาก ส่วนฝ่ายหญิงนั้นประมาณปี 2561 เขามาบอกเลิกน้องชายตน เพราะพบรักกับชายคนใหม่ ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจแยกทางกันอยู่ประมาณ 2-3 เดือน แล้วฝ่ายหญิงกลับมาขอคืนดี เนื่องจากถูกชายคนใหม่บอกเลิก น้องชายตนก็ยินดีที่จะคบหาต่อ ทั้งที่พ่อแม่เคยเตือนสติน้องชายแล้วประมาณว่าจะเอาคืนอีกเหรอ ในเมื่ออดีตเขาเคยทิ้งเราไป จะทำใจได้ไหม แต่น้องชายก็บอกว่าทำใจได้ ทุกคนก็เลยปล่อย และกับผู้บาดเจ็บนั้นตนก็ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า
สุดท้ายถ้าถามในมุมของพี่ชายว่าหากน้องชายได้รับการประกันตัวออกไปจะปล่อยให้คบกับฝ่ายหญิงต่อหรือไม่ ยื่นคำขาดเลยว่า “พอแล้ว กลับบ้านไปทำใจ กลับไปบวชตามที่ตั้งใจไว้” เพราะเมื่อตอนเช้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำฝ่ายหญิง เขาแทบจะไม่สบตาตนเลยด้วยซ้ำ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ บวกกับเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดเหตุ เหมือนมารผจญน้องชายที่เคยเอ่ยปากไว้ว่าจะบวช
จากนั้นช่วง 17.00 น. ญาติคนอื่นก็เดินทางมาเยี่ยมเพิ่มเติมแต่ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ บอกเพียงแค่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากเป็นข่าวดัง และจะให้ยื่นประกันตัวในชั้นศาลวันพรุ่งนี้ วงเงินอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท เบื้องต้นจึงต้องขอปรึกษาทนายกันก่อน
“นายนิธาน ชื่นชนกพิบูล” อายุ 44 ปี อาสาสมัครร่วมกตัญญู จ.ปทุมธานี บอกว่า ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทและมีคนถูกอาวุธมีดแทง ประมาณ 02.30 น. พอตนเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่านายเนียงโคโคยานั่งแน่นิ่งอยู่ที่ทางขึ้นบันใด ฝั่งตรงข้ามของอาคารเกิดเหตุ ด้วยสภาพค่อนข้างหนัก มีแผลที่แขนซ้าย และตรงเอวซ้ายด้านหน้ามีใส้ทะลักออกมาด้วย บาดเจ็บขณะที่มีการกระโดดหนีตรงระเบียงชั้น 1 ทำให้ใส้ทะลักออกมาจากแผล จึงประสานเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาปฐมพยาบาลช่วยเหลือเพิ่มเติม โ
ตนรีบขึ้นไปดูที่ห้อง เห็นทั้งคู่ก็อยู่ในห้องน้ำตรงระเบียงหลังห้องจริง ล็อกประตูจากด้านใน ไม่ยอมให้ใครเข้าไป โดยตนพยายามเกลี้ยกล่อมให้ออกมาแล้ว แต่นายนัฐพงษ์บอกว่า “ถ้าตำรวจอยู่ข้างนอก ผมจะแทงผู้หญิงและจะแทงตัวเองตาย อย่าให้ตำรวจเข้ามา” ผู้ก่อเหตุบอกว่าคนเดียวที่จะคุยด้วยในตอนนี้นั่นก็คือแม่ แล้วเขาก็ให้เบอร์แม่มา แต่พอตนโทรไปกลายเป็นว่าแม่อยู่ใน จ.อุดรธานี ไม่สามารถเดินทางมาได้ในทันที ผู้ก่อเหตุก็บอกว่างั้นติดต่อพี่ชายให้หน่อย ตนก็โทรหาพี่ชายตามเบอร์ที่เขาบอก ซึ่งด้วยความที่พี่ชายเขาอยู่ใน จ.อยุธยา จึงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการเดินทาง ระหว่างนั้นตนก็พยายามบอกว่าก่อนที่พี่ชายจะมาถึง สามารถคุยกับตนได้ทุกเรื่อง จากนั้นเขาก็เริ่มคุย ผู้ก่อเหตุก็เล่าให้ฟังว่าผู้หญิงที่อยู่ด้วยในห้องน้ำเป็นแฟนของเขา คบกันมาประมาณ 6-7 ปี
จนกระทั่งพี่ชายเขาเข้ามาถึงในเวลาประมาณ 05.30 น. ตนก็ปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน เมื่อผู้ก่อเหตุได้ยินเสียงพี่ชายก็ยอมออกมาจากห้องน้ำ ตอนนั้นฝ่ายหญิงเงียบและเหมือนตกใจ แต่ไม่พูดอะไรเลย ก่อนที่จะเดินออกไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างนอก ผู้ก่อเหตุกับพี่ชายก็เข้าไปกอดและร้องไห้กัน ตอนนั้นคาดว่าผู้ก่อเหตุคงจะเหลือบมาเห็นตน และมั่นใจว่าคงเป็นคนที่คุยด้วยก่อนหน้านี้ ก็เลยเข้ามาขอบคุณและขอกอด
แต่ขณะที่กอดกันนั้นคาดว่าผู้ก่อเหตุเห็นชุดตนลักษณะคล้ายกับชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ นั่นก็คือเป็นสีดำ ก็เลยเกิดอาการระแวง ตกใจ ทำท่าที่จะชักมีดซึ่งเหน็บไว้ข้างเอวมาจวงแทง แต่ตนคว้าไว้ทันและให้พี่ชายของผู้ก่อเหตุมาดึงมีดออก พร้อมกับอธิบายว่าตนเป็นกู้ภัยที่คุยด้วยในตอนแรก จนผู้ก่อเหตุสามารถตั้งสติกลับมาได้ ตนจึงพาไปโรงพักด้วยตัวเอง
นางสาวนินิอวง เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ตัวเองบอกเลิกนายนัฐพงษ์ไปกว่า 2 เดือนแล้ว แต่เขาไม่ยอมเลิก ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นเขาก็จะอยู่ในสถานะแฟนเก่า แล้วระหว่าง 2 เดือน ตนก็ยอมรับว่าเริ่มคบหากับแฟนใหม่คือ นายเนียง โคโคเย เพราะตนมองว่าในเมื่อตัวเองโสด ก็สามารถทำได้ แล้ววันที่เกิดเหตุก็เป็นครั้งแรกที่นายเนียงโคโคเยมาที่ห้องเกิดเหตุ เพราะตั้งใจจะทำอาการกินฉลองวันเกิดของตนกัน และตนก็ไม่รู้ว่านายนัฐพงษ์จะซื้อเค้กมาเซอร์ไพรส์ตนด้วย ถ้ารู้ก็คงไม่ให้เขามาตั้งแต่แรก
พร้อมกับยืนยันว่าตอนที่ผู้ก่อเหตุพังประตูเข้าไปนั้น ตนกับผู้บาดเจ็บไม่ได้มีอะไรกันอยู่ แต่ที่เห็นว่าผู้บาดเจ็บวิ่งออกจากห้องในสภาพที่มีแต่กางเกงในนั้น เพราะเขาร้อนก็เลยไปอาบน้ำ พออาบน้ำเสร็จก็เลยมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างตนในสภาพแบบนั้น
แต่พอผู้ก่อเหตุพังประตูเข้าไป ไม่ทันได้พูดจาอะไรก็จะแทงผู้บาดเจ็บ ระหว่างนั้นตนก็พยายามห้ามแล้วว่า “อย่าทำแบบนี้ ถ้าอยากทำไม่ต้องทำกับคนอื่น ทำหนูก็ได้” แต่เขาไม่ฟัง จึงกระหน่ำแทงไป 2 ครั้งตามที่เห็นบาดแผล จากนั้นผู้บาดเจ็บก็วิ่งหนีออกจากห้องไป ผู้ก่อเหตุก็วิ่งตาม
พอตนเดินไปดู ผู้ก่อเหตุก็พาตนกลับเข้ามาในห้อง แล้วพาไปขังไว้กับเขาในห้องน้ำ พร้อมกับบอกว่า “หนูต้องกลับประเทศตัวเอง พี่ไม่อยากเห็นหน้าหนูที่ประเทศไทยอีก” ตนก็บอกว่า “หนูกลับไม่ได้” แล้วผู้ก่อเหตุก็ขู่ตนว่า “งั้นถ้าพี่ออกจากคุกมา เห็นหนูที่ไหนพี่จะฆ่าหนูที่นั่น พี่จะฆ่ามันด้วย” ส่วนเงินจำนวน 34,000 บาทในห้องของตนนั้น ตนยอมรับว่าเป็นเงินของผู้บาดเจ็บ ไม่ใช่เงินของตนหรือเงินสินสอด
Advertisement