เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 65 เวลา 07.30 น. ตำรวจ สภ.อาจสามารถ ได้รับแจ้งว่ามีคนพบศพชายเปลือยกายอยู่ในคลองน้ำในป่าบ้านร่องคำ ต.อาจสามารถ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
ที่เกิดเหตุเป็นคลองน้ำภายในป่า พบศพชายสูงอายุเสียชีวิตอยู่ภายในคลองน้ำ ในสภาพเปลือยกายนอนคว่ำ หน้าอาสาสมัครกู้ภัยจึงได้ให้การช่วยเหลือนำศพขึ้นมาจากคลองน้ำ
แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้น พบว่าอสภาพศพขึ้นอืด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 วัน ตรวจสอบสภาพศพไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย จุดเกิดเหตุไม่พบร่องรอยของการถูกต่อสู้ ทราบชื่อคนตายคือ นายสุชาติ อายุ 63 ปี ชาวบางนา กรุงเทพมหานคร
ด้าน น.ส.สุธาทิพย์ อายุ 28 ปี ลูกสาวผู้ตาย ให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนได้พาพ่อมารักษา เนื่องจากมีอาการเหม่อลอย ชอบเดินเปลือยไม่สวมใส่เสื้อผ้า ลักษณะคล้ายกับคนถูกคุณไสย จึงได้เดินทางมารักษาในพื้นที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
นายวัฒพงษ์ ลีลารัตน์ อาสากู้ภัยอาจสามารถ ส่งคลิปให้กับทีมข่าว เหตุการณ์เมื่อวานนี้ช่วงเย็น หลังจากที่มีการนำศพขึ้นมาจากน้ำ และตัวของนางสาวสุธาทิพย์ ลูกสาวของคนตาย บอกกับตำรวจและทีมอาสากู้ภัยว่าไม่ได้ติดใจการตาย พร้อมรับศพตั้งบำเพ็ญกุศล ให้นำร่างของพ่อไปตั้งบำเพ็ญกุศลในอาศรม แต่ปรากฏว่าเมื่อเคลื่อนย้ายร่างมาถึงที่บริเวณด้านหน้าอาศรม กลับถูกกลุ่มฤๅษีและลูกศิษย์ขับไล่ ไม่ให้ยุ่งกับอาศรม พร้อมกับให้นำร่างไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่อื่น
วันที่ 15 ก.ย. 65 ทีมข่าวเดินทางไปที่อาศรมของฤๅษี ต.อาจสามารถ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งในขณะที่เดินทางไปนั้นพบว่าอาศรมปิดเงียบ ไม่มีฤๅษีประจำ มีเพียงรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รูปปั้นของพระ และมีการทิ้งเบอร์โทรของฤๅษี คาดว่าเป็นของเจ้าสำนัก ติดเอาไว้ที่บริเวณตัวบ้านหรืออาศรม
มีการเขียนชื่อกำกับเอาไว้ว่า "ฤาษีเณร เณรธาตุสี" และบริเวณด้านหน้าอาศรมเป็นอาคารไม้ มีข้อความบนป้ายประกาศสีขาว ระบุว่า "สถานที่นี้ห้ามส่งเสียงดัง เราคือฤาษี ไม่ใช่ พระ"
สำหรับบริเวณโดยรอบมีบ่อน้ำหลายบ่อ บ่อที่เกิดเหตุอยู่ห่างออกไปประมาณเกือบ 500 เมตร อยู่ชายป่าด้านหลังก่อนออกสู่ถนนหมายเลข 2043 ช่วงหนึ่งหลานชายของคนตายได้ขับรถเข้ามาพร้อมกับพี่ชายคนตาย ลักษณะเดินสำรวจอาศรม มีการถ่ายคลิปเอาไว้
พระจ่อย ซึ่งเป็นพระที่ชาวบ้านได้มีการนิมนต์ให้มาประจำอยู่ที่อาศรมดังกล่าว โดยชาวบ้านไม่ต้องการให้ฤๅษีเป็นเจ้าสำนัก และครอบครองพื้นที่แต่เพียงผู้เดียว จึงได้นิมนต์พระเข้ามาอยู่เพื่อที่จะปรับให้กลายเป็นสำนักสงฆ์ หรือสำนักปฏิบัติธรรม
พระจ่อย เปิดเผยว่า สำนักดังกล่าวมีฤๅษีเณรเป็นเจ้าสำนัก และมีฤๅษีซึ่งเป็นคนติดตาม 2 คน หนึ่งในนั้นคือฤๅษีสมบัติ เป็นคนที่ทำพิธีและรักษาให้กับผู้ที่มีอาการคล้ายผีเข้า และมีอาการถูกทำของใส่ ปกติจะสังเกตเห็นว่าฤๅษีเณรจะเป็นคนคุมพิธี แต่ไม่แน่ใจว่าเข้ามาร่วมในการประกอบพิธีด้วยหรือไม่ แต่ฤๅษีสมบัติจะเป็นคนที่ร่วมทำพิธีแก้ของ และไล่ผีให้กับผู้ที่มีปัญหาเข้ามาที่อาศรม แต่ในขั้นตอนของการทำพิธีนั้นตนเองไม่ทราบเพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ตนเองได้รับนิมนต์มาจากชาวบ้านให้มาอยู่ประจำ ก็อยู่ส่วนของตนเองไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับพิธีของทางฤๅษี
นับตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดเหตุทราบว่าพบศพของนายสุชาติ คนตาย ก็ไม่เห็นความเคลื่อนไหวของฤๅษี และแม้แต่ลูกสาวของคนตาย ซึ่งไม่รู้ว่าเดินทางไปอยู่ที่ไหนกัน ซึ่งหากมีการย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นางสาวสุธาทิพย์ ลูกสาวของนายสุชาติคนตาย รู้จักกับฤๅษีสมบัติ จากนั้นก็เข้าใจว่ามีการนั่งทางใน พบว่าหัวใจของนางสาวสุธาทิพย์หายไป ไส้ก็ถูกกิน จากนั้นก็แนะนำให้ตัวของนางสาวสุธาทิพย์เข้ามารับการรักษา เข้ามาปฏิบัติและฝึกที่อาศรม
ก่อนที่ก่อนวันเกิดเหตุวันที่ 8 ก.ย. 65 นางสาวสุธาทิพย์จะเดินทางไปรับพ่อคือนายสุชาติ ที่กรุงเทพมหานคร มาอาศัยอยู่ด้วยที่อาศรม และพบว่าวันนั้นก็หายตัวไปจากอาศรม ก่อนที่จะพบเป็นศพนอนอยู่ในร่องน้ำสภาพเปลือยกาย แต่ในมุมของทางพุทธศาสนา ตนเองก็ได้เตือนนางสาวสุธาทิพย์ ซึ่งถ้าหากคนเราไม่มีหัวใจ ไม่มีลำไส้ ป่านนี้ก็คงตายไปแล้ว ดังนั้นก็อย่ายึดติดอะไรให้มาก แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมฟัง ฟังแต่ฤๅษีสมบัติเพียงคนเดียว
ทีมข่าวได้โทรไปยังเบอร์ฤๅษีเณรตามที่ติดเอาไว้บริเวณด้านหน้าอาศรม มีลูกศิษย์ซึ่งอ้างว่าเป็นน้าของฤๅษีเป็นคนรับสายแทน อ้างตัวเองว่าเป็นน้าของฤๅษีเณร เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ตัวของฤๅษีเณรในฐานะเจ้าสำนักไม่รู้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยคนที่รู้ดีที่สุดก็คือฤๅษีสมบัติ ซึ่งเดิมเคยเป็นลูกศิษย์เอก แต่ปัจจุบันก็ได้มีการปฏิบัติ และแต่งตัวเป็นฤๅษี โดยมีการรักษาคุณไสยและบุคคลที่ผีเข้า แต่ตนเองไม่รู้ว่ามีการทำพิธีอย่างไร เพราะเป็นวิธีและวิชาส่วนตัวของฤๅษีสมบัติ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฤๅษีเณร
ส่วนวันนี้ที่สำนักไม่มีใครอยู่ เพราะส่วนใหญ่เดินทางไปต่างพื้นที่ แต่ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าฤๅษีสมบัติ กับนางสาวสุธาทิพย์ ลูกสาวของคนตาย เดินทางไปที่ไหนเหมือนกัน
นายวัฒพงษ์ ลีลารัตน์ อาสากู้ภัยอาจสามารถ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตนเองได้รับการประสานงานจากลูกสาวของคนตาย ให้นำร่างของพ่อไปฝากและส่งเอาไว้ที่อาศรม ก่อนที่จะมีการนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจศพต่อไป แต่เมื่อทีมอาสากู้ภัยทั้งหมดเดินทางไปที่อาศรม ซึ่งการเดินทางไปยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งเครื่องแบบเต็มยศเดินทางไปด้วย แต่ฤๅษีสมบัติเข้ามาขัดขวางไม่ให้นำร่างของนายสุชาติเข้าไปในอาศรม ให้นำไปตั้งหรือฝากไว้ที่อื่น ตอนนั้นแม้ว่าจะมีการเจรจาแล้ว แต่ทางด้านของลูกศิษย์รวมทั้งฤๅษีสมบัติก็ไม่ให้เข้าไปด้านใน
หลังจากที่กู้ภัยได้ติดต่อกับพี่ชายของคนตายที่อยู่กรุงเทพฯได้แล้ว วันนี้ทีมกู้ภัยก็เป็นแม่งานหลักในการช่วยเหลืองาน เพราะทราบว่ามีญาติเดินทางมาไม่มาก ส่วนลูกสาวคือนางสาวสุธาทิพย์ ได้หายตัวไปพร้อมกับกลุ่มฤๅษี อ้างว่าจะมางานศพ อ้างว่าจะมาช่วยงาน และอ้างว่าจะเดินทางมาก่อนงานเผา แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าตอนนี้หายเงียบไป เพราะไปตามที่อาศรมแล้วก็ไม่มีใครอยู่ ติดต่อไม่ได้
ที่วัดสว่างโพธิ์ธาราม บ้านหงษ์ทอง ต.อาจสามารถ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ได้มีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายสุชาติ ก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพในช่วงบ่าย สังเกตว่ามีพี่ชายของคนตาย และหลานชายเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมงาน แต่นางสาวสุธาทิพย์ และฤๅษีสมบัติไม่ได้มาปรากฏตัวในงาน
อีกทั้งมีชาวบ้านบางส่วนเดินทางมาช่วยงาน แต่การจัดงานศพส่วนใหญ่มีกู้ภัยพื้นที่อาจสามารถมาช่วยเหลืองานตั้งแต่ต้นจนจบ โดยบรรยากาศพิธีเผาศพเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ด้านนายคณธัช อรุณเลิศชีวิน อายุ 67 ปี พี่ชายคนตาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์การตายของนายสุชาติ น้องชาย ตนเองเชื่อว่าเกิดจากอาการหลงลืม และอาการไม่สวมใส่เสื้อผ้าตามที่เคยเป็นมาตลอด 30 ปี เพราะเจ้าตัวมีประวัติรับการรักษาทางจิตเวช ฉะนั้นส่วนตัวจึงไม่ได้ติดใจการตาย เพราะเชื่อว่าคนกรุงเทพมาอยู่ในต่างจังหวัด แล้วไม่คุ้นชินกับสถานที่ อาจมีการเดินเข้าไปในป่า แล้วอาจจะเกิดจากความเครียดจึงถอดเสื้อผ้าเอง จนกระทั่งไม่มีข้าวกินหลายวัน อาจจะเป็นลมเป็นแรงและตกน้ำตายเองก็ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ติดใจการตาย
แต่สิ่งที่ครอบครัวติดใจตอนนี้ คือทำไม นางสาวสุธาทิพย์ หลานสาวถึงมีความเชื่อคำพูดของฤๅษีสมบัติ ที่อ้างว่าสามารถรักษาอาการป่วยแปลกๆ จนหายได้ โดยตนเองเคยเตือนให้หลานสาวหากมีอาการป่วยควรที่จะไปพบแพทย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่มาเพิ่งร่างทรงหมอผี และตนเองทราบว่าตัวของหลานสาวไปรู้จักกับฤๅษีสมบัติ โดยถูกทักว่าหัวใจหายและไส้พุงถูกกิน ตนเองก็เคยด่าหลานสาวว่า "คนเราถ้าไม่มีหัวใจไม่มีลำไส้ป่านนี้ก็คงตายไปแล้ว อย่าเชื่ออย่างมงาย" แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็มาที่อาศรม จนกระทั่งมาชักชวนเอานายสุชาติมารับการรักษา สุดท้ายเรื่องราวแย่ เพราะน้องชายของตัวเองไปตกน้ำตาย
อย่างไรก็ตาม ที่ลูกชายของตนเอง ได้เข้าไปที่อาศรมพร้อมกับมีการถ่ายคลิปเอาไว้ ก็เพื่อที่จะไปดูความเป็นอยู่ และบรรยากาศด้านใน โดยจะมีการส่งไปให้กับญาติที่กรุงเทพฯ ดู เพราะเชื่อว่าภายในพื้นที่อาศรมอาจจะมีอะไรบางอย่างที่คนนอกยังไม่รู้ก็ได้ แล้วตัวนี้ก็ได้ให้ข้อมูลบางอย่างกับพนักงานสอบสวนไปแล้ว ฉะนั้นตนเองก็อยากรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรักษา ที่ฤๅษีอ้างว่ารักษาอาการป่วยหรือคนที่ถูกทำของได้ ส่วนตัวอยากรู้วิธีการเหมือนกันว่าทำได้อย่างไร
"เณรแอ จอมขมังเวทย์" หรือ หาญ รักษาจิตร์ บอกว่า วิชารักษาดังกล่าวไม่มีจริง คนที่อวดอ้างเช่นนั้นเป็นคนไม่มีจรรยาบรรณ ซึ่งตามหลักการทำนายแบบสุภาพ อาจบอกว่าภายในไม่ค่อยดี แล้วแนะนำให้เขาไปหาแพทย์รักษา แต่กลับไปบอกว่าหัวใจไม่มี ไส้ไม่มี หากไม่มีก็คงตายไปแล้ว คำพูดดังกล่าวสร้างความงมงาย คนที่ทำนายควรตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองก่อน เพราะเราเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่เทวดา อย่าหากินบนความทุกข์ของคนอื่น
ซึ่งคนเราเกิดมาต้องมีความเชื่อเป็นธรรมดา ควรเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ไม่ใช่สิ่งงมงาย อย่างเคสนี้ นอกจากเสียเงินในการเดินทาง เสียเวลา และยังเสียคนในครอบครัว เสียญาติผู้ใหญ่ แบบนี้ใครรับผิดชอบ ยังเชื่อได้หรือไม่ หากฤๅษีคนดังกล่าวเป็นผู้วิเศษจริง เหตุใดจึงไม่รู้ล่วงหน้าว่าคนที่มาหาเขาจะมาตาย เพราะฉะนั้นจึงฝากเตือนสติ ไสยศาสตร์สิ่งที่มองไม่เห็นมีจริง แต่ควรมีสติ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ
ทั้งนี้ จรรยาบรรณโหราศาสตร์ คือห้ามดูวันตาย ามทำนายทายทักในสิ่งที่จะทำให้คนไม่สบายใจ หรือทำให้ครอบครัวเเตกเเยก ยกตัวอย่างเช่น สามีพาภรรยามาหาเรา แล้วถามเราว่าภรรยามีชู้หรือไม่ เรื่องเเบบนี้ห้ามพูด ห้ามทำนาย เพราะจะทำให้ครอบครัวเเตกเเยก หรืออีกกรณี เช่น แม่พาลูกหลายคนมาหาเรา แล้วถามว่าลูกคนไหนจะพึ่งพาอาศัยได้ ก็ห้ามพูด ห้ามทำนาย เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัว
Advertisement