โคตรเหี้ยม เขยทมิฬฆ่าพ่อตา-น้องเขย บุกโรงพักกะยิงล้างโคตร แค้นถูกขวางรัก (คลิป)

จากกรณีตำรวจสถานีนครบาลเพชรเกษม ได้รับเเจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย ใน ซ.เพชรเกษม 63 แยก 7 ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ 

ภายในบ้านพักหลังหนึ่งใน ซ.เพชรเกษม63 แยก 7 พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อคือ นายธานินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี เเละ นายพงศธร (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ทั้งคู่ถูกยิงบริเวณศีรษะคนละ 1 นัด ซึ่งเป็นพ่อตาและน้องชายเมียของผู้ก่อเหตุ

โดยผู้ก่อเหตุ เข้าไปกระหน่ำยิงภายในบ้านพักของครอบครัวเมียหวังฆ่ายกครัว เพราะแค้นหลังถูกกีดกันไม่ให้รักกับลูกสาว ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับผู้ก่อเหตุได้ผู้ก่อเหตุชื่อ นายเป้ หรือ นายนที พันธุมแสน อายุ 28 ปี

ทั้งนี้ ทีมข่าวได้ข้อมูลมาว่า หลังนายเป้ก่อเหตุ ยิงครอบครัวของเมียตัวเองแล้วยังมีการพูดกับคนละแวกนั้น บอกว่าจะกลับไปยิงเมียและลูกของตัวเองอีกด้วย ซึ่งขณะนี้เมียของผู้ก่อเหตุตั้งท้องลูกคนที่ 2 อายุครรภ์ 8 เดือน เเละมีกำหนดคลอดในเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้

โดยพฤติการณ์ของนายเป้ จากการสอบถามตำรวจทราบว่า หลังจากก่อเหตุยิงเสร็จได้วนรถจักรยานยนต์ไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียง เพื่อดูว่าญาติ ๆ จะนำตัวผู้ตายมาที่โรงพยาบาลหรือไม่ เมื่อไม่พบก็ได้ขับรถจักรยานยนต์มาที่ศาลาริมน้ำวัดม่วง ซึ่งอยู่ตรงข้าม สน.เพชรเกษม เพื่อซุ่มดูเเละกะยิงน้องชายคนกลางของภรรยาตามที่ได้ข่มขู่ไว้ว่าจะฆ่ายกครัว โดยเมื่อตำรวจดูรูปในกลุ่มตำรวจเเล้วพบว่าเป็นคนเดียวกับคนก่อเหตุ จึงได้เข้าจับกุมตัวมาที่ สน.เพชรเกษม

ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ สน.เพชรเกษม ทีมข่าวได่สอบถาม นางมิ่งขวัญ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นภรรยาเเละเเม่ของผู้เสียชีวิต เเละเป็นแม่ยายของผู้ก่อเหตุ

นางมิ่งขวัญ เปิดเผยว่า ในขณะที่ลูกเขยเข้ามาก่อเหตุนั้นตัวเองก็อยู่ในเหตุการณ์ และทราบดีว่าจริง ๆ แล้วลูกเขยตั้งใจจะมายิงตน เพราะลูกสาวเเชตไลน์มาบอกว่าลูกเขยกำลังขับรถพร้อมปืนออกไป ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นตัวเองจะออกไปดูก็เห็นลูกเขยเล่งปืนจะยิงเลยรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและปิดประตู ลูกเขยจึงพยายามกระหน่ำยิงเข้าไป 3 นัด แต่ตัวเองหลบทันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากสะเก็ดปืน เมื่อตนเงียบไปจนทำให้ลูกเขยคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว หลังจากนั้นตัวเองก็กลับออกมาพบสามีและลูกชายคนเล็กนอนจมกองเลือดอยู่ ตนทราบดีว่าจริง ๆ แล้วลูกเขยตั้งใจจะมาฆ่าตัวเองซึ่งเป็นแม่ยายมากกว่า แต่ดันรอดชีวิต

ส่วนสาเหตุที่ลูกเขยต้องมาก่อเหตุแบบนี้ เพราะมีเรื่องบาดหมางกันมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ที่นายเป้ อายุ 18 ปี และ ลูกสาว อายุ 17 ปี ซึ่งตอนนั้นเรียนกันอยู่ ทั้งสองก็เริ่มคบหากันแต่ทางครอบครัวไม่อยากให้ลูกสาวออกเรือนไปอยู่กินกับนายเป้ จึงทำให้เกิดความโกรธแค้นตั้งแต่นั้น

หลังเรียนจบทางครอบครัวก็ส่งลูกสาวไปอยู่ที่เกาะหมากนานกว่า 4 ปี เพื่อหวังให้ทั้งคู่เลิกรา แต่พอกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ก็มาคบหากับนายเป้อีก จนตั้งท้องและมีลูกด้วยกันตอนนี้ลูกชาย 4 ขวบแล้ว ทางครอบครัวจึงไม่กีดกันและไม่ยุ่งเกี่ยว ในฐานะคนเป็นแม่ก็ยังคิดถึงลูกจึงยังคงแอบติดต่อพูดคุยกัน พอนายเป้ทราบข่าวก็จะโกรธและสั่งห้ามไม่ให้เมียติดต่อกับทางครอบครัวอีก

จนล่าสุดเมื่อช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาในเป้โทรมาหาแม่ยายพร้อมขู่บอกว่าเตรียมซื้อปืนจะมายิงให้ตายยกครัว ทางแม่ยายจึงไปแจ้งความกับตำรวจไว้ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความให้ลงบันทึกประจำวันบอกว่าถ้าเกิดเหตุอะไรให้โทรมาหาอาตำรวจไม่นึกว่าจะโทรหาตำรวจบอกให้มาเก็บศพในลักษณะแบบนี้

แม่ยายกล่าวต่อว่า ไม่ชอบกันก็จริงแต่ตนก็ไม่ได้ไปยุ่งกับลูกเขย แต่ก็ยังเป็นห่วงลูกสาวก็มีติดต่อกลับไปบ้าง ครั้งนี้เห็นพฤติกรรมของลูกเขยแล้วโหดเหี้ยมมาก อยากให้ชีวิตแรกด้วยชีวิต เพราะเธอสูญเสียทั้งสามีและลูกทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ไม่เคยว่าหรือดุด่าอะไรผู้ก่อเหตุเลย

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในซอยที่เกิดเหตุทำให้ทราบว่า นายนที ขี่รถจักรยานนยต์มาจอดไว้หน้าปาก ซ.7 ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เพื่อไม่ให้คนในบ้านได้ยินเสียงแล้วเดินมาก่อเหตุ 

โดยในระหว่างที่ นายเป้ ผู้ต้องหาออกมาเข้าห้องน้ำในระหว่างสอบปากคำ ทีมข่าวได้สอบถาม นายเป้ ผู้ต้องหา ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายเป้ สารภาพว่า บ้านของตนมาซื้อกับพี่สาวอยู่ที่เพชรเกษม 110 ตนเองใช้เวลาในการคิดว่าจะก่อเหตุไม่นาน เพราะว่าตนถูกหยามเกียรติเเละศักดิ์ศรี ส่วนอาวุธปืนตนเองซื้อมาจากอินเทอร์เน็ต

ด.ต.ไมตรี โคเวียง ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บกน.9 เผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ขณะที่ชุดทำงานประกอบด้วย บก.สส.บชน กก.สส.บกน.9 และชุดสืบสวน สน.เพชรเกษม กำลังประชุมถึงแนวทางการไล่ล่าคนร้ายรายนี้ เพราะเกรงว่าจะไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก หลังเสร็จสิ้นการประชุมต่างแยกย้ายกันไปทำงาน ตนกำลังเดินไปขึ้นรถที่ลานจอดรถของวัดม่วงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพัก ซึ่งภายในวัดกำลังมีงานทอดกฐินประจำปี มีรถจอดกันเต็มลานและมีผู้คนพลุกพล่าน ที่บริเวณศาลาริมน้ำเชิงสะพานข้ามคลอง มีคนนั่งกันหลายคน

สังเกตุว่าชายที่นั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำ 1 ราย มีลักษณะตรงกับนายนที มือปืนที่ก่อเหตุ ใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงลายพรางทหาร ส่วมหน้ากากอนามัย นั่งแบบมีพิรุธ จึงเข้าไปสะกิดด้านหลังแล้วถามว่ามารอใคร ได้รับคำตอบว่ามาทำบุญ แล้วย้อนถามกลับว่าพี่มาตามใคร ตนจึงให้ชายคนดังกล่าวถอดหน้ากากอนามัย จนทราบว่าเป็นนายนที แล้วรีบตะครุบปืนที่เอว จับตัวได้พร้อมของกลางอาวุธปืนแบลงค์กันส์ เครื่องกระสุน 8 นัด

สอบถามเบื้องต้นทราบว่า จะมาดักยิงนายพงศกร หรือ ออย สีตะปัญญะ อายุ 23 ปี น้องชายภรรยา ที่แอบซ่อนตัวในห้องขณะก่อเหตุเพราะรู้ว่าทุกคนที่รอดชีวิต ตนได้นำตัวมาให้การที่ สน.เพชรเกษม จากนั้นนำตัวส่ง สน.เพชรเกษมสอบสวนทันที 

 

ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามนางบุญนภา (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี พี่สาวเเท้ ๆ ของ นายธานินทร์ ผู้เสียชีวิต ทราบว่า น้องชายเคยเล่าปัญหาให้ฟังว่าทางลูกเขย คนก่อเหตุ ห้ามไม่ให้ครอบครัวของน้องชายไปหาลูกสาวเเละหลาน เเละห้ามไม่ให้ยุ่งกับครอบครัวตัวเอง เเต่ตนก็ไม่ทราบว่าปมมันคืออะไรกันเเน่ ซึ่งตนเองก็ทำได้เพียงเเค่รับฟังเเละบอกอีกว่า ยังไงก็ควรจะต้องไปหาหลาน

ส่วนเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้า ตนทราบข่าวมาจากนางลำพองเเล้ว โดยตอนนั้นตนไม่ทันได้อ่านข้อความจากไลน์ของน้องชายที่น้องสะใภ้น่าจะส่งมาบอกว่าน้องเสียชีวิตเเล้ว ตนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนเเรงเกินกว่าเหตุไปมาก ตนอยากจะให้คนก่อเหตุตายตกไปตามกัน ตนอยากจะดูหน้าผู้ต้องหาเเละอยากถามว่าทำไมต้องฆ่ากันขนาดนี้ พูดกันดี ๆ ไม่ได้เหรอ ในเมื่อตัวเองเอาลูกสาวเขาไป คนเป็นพ่อเป็นเเม่ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา

จากนั้น ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเป้ผู้ต้องหาออกมาจากห้องสอบสวน โดยท่าทางของนายเป้ มองก้มต่ำตลอดเวลา ไม่สบตากับทีมข่าว โดยในช่วงหนึ่งทีมข่าวได้พยายามสอบถามนายเป้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรืออยากพูดขอโทษอะไรหรือไม่ เเต่นายเป้ กลับไม่พูดอะไรเลยเเม้เเต่น้อย ก่อนตำรวจจะคุมตัวเข้าห้องควบคุมผู้ต้องหาไป