จากกรณี โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี จัดกิจกรรมเข้าค่ายคุณธรรม แต่นักเรียนได้ออกมาเปิดเผยว่า พบพิธีกรรมประหลาดโดยให้นักเรียนเขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษแล้วนำกระดาษไปเผา อ้างว่าเป็นการลบชื่อออกจากบัญชีของยมทูตเพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์ ซึ่งเป็นพิธีกรรมในลัทธิ "อนุตตรธรรม" จากประเทศจีน ทำให้เด็กนักเรียนชั้น ม.5 ที่เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน ต่างตื่นตกใจและส่งเรื่องถึงผู้ปกครอง เพื่อแจ้งให้ ผอ.โรงเรียนรับทราบ ก่อนจะมีการยกเลิกการจัดพิธีดังกล่าวขึ้นกลางคัน และกลายเป็นประเด็นดราม่าติดเทรนทวิตเตอร์
ล่าสุดวันที่ 6 ธ.ค. 65 เป็นวันเปิดเรียนวันแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตั้งแต่ช่วงเช้าเด็กนักเรียนทุกระดับชั้น ม.1-ม.6 ได้เข้าแถวหน้าเสาธงกันอย่างเป็นระเบียบ โดยไม่มีเหตุการณ์นักเรียนถือป้ายประท้วง ผอ.รร. แต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงที่เกิดเรื่องขึ้นใหม่ ๆ ตัวแทนนักเรียนบางส่วนได้นัดการถือป้ายประท้วง เนื่องจากไม่พอใจการทำงานของ ผอ.รร.
ขณะที่บรรยากาศหน้าเสาธงช่วงเช้า นายดุริยะ จันทร์ประจำ ผอ.โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ได้พูดหน้าเสาธงโดยน้อมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันกับเด็กนักเรียนว่า ตนเองไม่ทราบเรื่องที่วิทยากรนำลัทธิอนุตตรธรรมมาให้เด็กอบรม และไม่มีเจตนาจะนำลัทธิประหลาดเข้าสู่รั้วโรงเรียน แต่เกิดจากข้อผิดพลาดที่คุณครูได้ประสานนำวิทยากรจากภายนอกเข้ามาอบรม โดยไม่รู้ว่าจะมีการเผยแพร่คำสอนลัทธิดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นการอบรมค่ายคุณธรรมตามปกติ ซึ่งตนเองได้ยอมรับผิดที่ไม่ได้ตรวจสอบโครงการให้ดี
ต่อมานายดุริยะ ได้เรียกตัวแทนนักเรียนทุกระดับชั้นจำนวน 99 ห้อง มานั่งพูดคุยถึงปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆภายในโรงเรียน โดยช่วงเด็กนักเรียนสะท้อนปัญหากับทาง ผอ. และคณะครู ทาง ผอ. ได้ขอให้นักข่าวออกจากห้องประชุมไปก่อน
จากนั้นมีการประชุมผ่านไปได้ประมาณ 30 นาที ต่อมา นายดุริยะ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ตนเองหลังเกิดเรื่องไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหา และพร้อมรับฟังปัญหาของเด็กนักเรียนทุกคน ตนเองต้องขออภัยทุกคนและขอยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต
ส่วนตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ ตนเองได้พูดทำความเข้าใจและยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าเด็กนักเรียนแล้ว ซึ่งตนเองพร้อมจะนำเรื่องนี้เป็นบทเรียนแล้วในอนาคต ซึ่งเด็กนักเรียนทุกคนก็ไม่ได้มีปัญหาและเข้าใจ เด็กนักเรียนของเราขับเคลื่อนไปด้วยพลังบวกไม่ได้ก่อเหตุถือป้าย เดินขบวนประท้วงอะไร บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี
ส่วนประเด็นที่วิทยากรที่ทางโรงเรียนเชิญมาได้ทำพิธีกรรมนอกเหนือวัตถุประสงค์ที่โรงเรียนตั้งใจให้จัดขึ้น แน่นอนว่าขณะนี้โรงเรียนได้รับความเสียหายเรียบร้อยแล้ว และส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กนักเรียนจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้ตนเองอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตามระบบราชการเท่าที่ทำได้ แต่จะดำเนินการฟ้องร้องหรือเอาผิดทางอาญากับวิทยากรดังกล่าวหรือไม่นั้น กำลังปรึกษาอยู่ในหลาย ๆ ภาคส่วน แต่ส่วนตัวมองว่าก็คงไม่มีเวลามากขนาดนั้นที่จะไปฟ้องร้องใคร
ส่วนสภาพจิตใจของเด็ก หลังจากเกิดเหตุการณ์ตนเองได้สั่งการให้ครูที่ปรึกษาทุกระดับชั้นไปตรวจสอบว่าเหตุการณ์วันนั้น นักเรียนคนใดเข้าร่วมพิธีบ้าง มีใครยังจิตตกหรือไม่สบายใจอยู่บ้าง จะได้พูดคุยเยียวยาจิตใจกันต่อไป และสุดท้ายตนเองยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่สาวกของลัทธิอนุตตรธรรมหรือมีเจตนาจะนำลัทธิอนุตตรธรรมมามอมเมาเด็กนักเรียน ตนเองนับถือและศรัทธาในพระพุทธศาสนาไม่ได้มีความเชื่อเรื่องลัทธิ ในห้องทำงานของตนเองก็เต็มไปด้วยพระพุทธรูปทั้งนั้น ซึ่งอยากฝากให้นักเรียนและผู้ปกครองทุกคนเข้าใจด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้
ขณะเดียวกัน นายณภัทร ดอกพิกุล และ น.ส.ศศิธร ยาพลัง ประธานและรองประธานนักเรียนโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช บอกว่าวันนี้พวกตนเองรู้สึกดีใจ ที่คณะผู้บริหารรับฟังเสียงสะท้อนของเด็กนักเรียนมากขึ้น และแสดงให้เห็นว่าทางผู้บริหารพร้อมที่จะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ดีกว่าผู้บริหารไม่ยอมทำอะไร นิ่งเฉย ปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป
และตนเองมองว่า เป็นเรื่องที่ดีที่วันนี้มีตัวแทนนักเรียน 99 ห้อง ได้มาสะท้อนปัญหาให้ ผอ.โรงเรียนฟัง เพราะปัญหาดังกล่าวเกิดจากโรงเรียน โรงเรียนก็ควรจะต้องแก้ไขและถอดบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก พวกตนเองพร้อมให้อภัยทั้ง ผอ.และคณะครูที่จัดโครงการขึ้น ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าคุณครูที่เชิญวิทยากรเข้ามาอาจจะไม่รู้เรื่องจริง ๆ ก็ได้ ว่ามีการจัดพิธีกรรมแบบนั้นขึ้น และลัทธิอนุตตรธรรมก็ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร เพราะในกำหนดการก็ไม่ได้ระบุ แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วก็ควรต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำ
พวกตนเองอยากขอบคุณสื่อมวลชนด้วย ซึ่งหากไม่มีนักข่าวนำเสนอข่าว เรื่องก็คงเงียบไม่ได้รับการแก้ไขก็เป็นไปได้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่า เป็นบทเรียนและเป็นตัวอย่างให้กับอีกหลายหลายโรงเรียน เพราะการจะนำคนนอกเข้ามาอบรมหรือจัดกิจกรรมอะไรหลังจากนี้ ครู หรือ ผู้บริหาร จะได้ตรวจสอบให้ดีมากกว่านี้
ส่วนวิทยากรมีการเผยแพร่ลัทธิอนุตรธรรม ตนเองมองว่าไม่เหมาะสมที่ทำแบบนี้ เพราะการกระทำดังกล่าวเหมือนเป็นการบังคับเด็กมากกว่า เพราะหากไม่เข้าร่วมก็จะถูกตัดคะแนนจากโรงเรียน แทนที่จะถามความสมัครใจกับเด็กนักเรียนมากกว่า และมองว่าวิทยากร และเจ้าหน้าที่ลัทธิทั้งหมดละเมิดสิทธิของเด็กนักเรียนและไม่ทำตามกติกา อยากให้โรงเรียนช่วยเร่งตรวจสอบว่าจะเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ลัทธิพวกนี้อย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ทีมข่าวได้คลิปเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุ คลิปแรกความยาว 15 วินาที จะเห็นว่าก่อนเริ่มกิจกรรมลัทธิอตุตรธรรม ได้นำเด็กนักเรียนโรงเรียนอื่นคาดว่าเป็นสต๊าฟช่วยงานประมาณ 6 คน ขึ้นไปเต้นบนเทวี พร้อมเปิดเพลงจีนประกอบจังหวะ ก่อนจะโปรยลูกอมลงเวที เพื่อแจกกับเด็กนักเรียนก่อนเริ่มกิจกรรม คลิปที่ 2 เป็นคลิปที่ลัทธิดังกล่าว เริ่มเปิดวิดิทัศน์บางส่วนให้เด็กนักเรียนดู ซึ่งจะเห็นว่าในคลิปมีเสียงเพลงจีนประกอบ
คลิปที่ 3 ความยาว 7 วินาที บันทึกภาพขณที่เจ้าหน้าที่ลัทธิได้เริ่มพูดผ่านไมโครโฟนเรียกเด็กนักเรียนออกมา เพื่อคัดตัวแทนขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำพิธีกรรม
และคลิปสุดท้ายเป็นคลิปความยาว 57 วินาที จะเห็นว่าเด็กนักเรียนจำนวนมากได้ถูกเกณฑ์ขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง ซึ่งจะคลิปจะเห็นนางลินดา วิทยากร ใส่เสื้อคลุมสีดำ คอยเดินเอาจุดมือจิ้มเข้าที่บริเวณหน้าผากของเด็กนักเรียนแต่ละคน โดยมีหญิงสวมเสื้อขาวกระโปรงสีชมพูซึ่งเป็นคุณครูสุพิวรรณ ครูหมวดสังคมที่เป็นผู้ประสานวิทยากร คอยยืนอยู่บนเวที แต่ไม่สามารถควบคุมกิจกรรมของเจ้าหน้าที่ลัทธิได้ ได้แต่ยืนดูเหตุการณ์ตามปกติ
ขณะเดียวกัน ยังมีคลิปที่เด็กนักเรียนมอบให้กับทีมข่าว เป็นคลิปความยาว 01.05 นาที ในคลิปบันทึกภาพครูท่านหนึ่งกำลังยืนต่อว่าเด็กนักเรียนที่ยืนเข้าแถว โดยระบุว่า “โรงเรียนเรามันเป็นโรงเรียนอันดับ 6 ของประเทศนะลูก มันเป็นที่อิจฉาของโรงเรียนอื่นอยู่แล้ว พอเรามีอะไรผิดพลาดนิดหน่อยเขาพร้อมที่จะขยี้ขยำอยู่แล้ว ที่นี่เราก็เอาความคึกคะนองของเราลงไป สะใจเฉย ๆ แชร์ ๆ แล้วก็ด่าไปเพิ่ม ก็เหมือนเราพ่นน้ำลายลงไปโดดตัวเรา ครูบอกลเลยนะถ้าเราไม่ภูมิใจในความเป็นเบ็ญจะมะก็ลาออกไป ไปอยู่ที่อื่น ถ้าเราอยู่ตรงนี้ มันเกิดขึ้นคุณครูทุกคนก็เสียใจ โรงเรียนเสียใจ นักเรียนโรงเรียนเรานี่ฉลาดนะ ผู้ปกครองก็โอเค เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่ศาสนาพุทธแล้ว อันนี้ครูก็ยอมรับว่าดี เพียงแต่ว่าอะไรก็ตามที่มันทำให้เสียชื่อเราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน” โดยหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงโซเชียลฯ เด็กนักเรียนในโรงเรียนต่างเข้ามาทวิตข้อความกันเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้คลิปเหตุการณ์จากผู้ปกครองคนหนึ่ง ซึ่งเป็นประธานเครือข่ายสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เธอได้ถ่ายคลิปไว้ขณะเธอได้นำซองขาว ซึ่งบรรจุอยู่ภายในถุงกระดาษสีน้ำตาล เดินเข้าไปหา ผอ.รร. ขณะเจ้าตัวกำลังประชุมชี้แจงกับเด็กนักเรียน 99 ห้อง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ซึ่งภายในถุงดังกล่าว มีเงินสดจำนวน 5 พันบาท ที่ ผอ.รร. ได้มอบให้กับเธอเมื่อวานนี้ เพื่อให้ฝากไปถึงกรรมการผู้ปกครองท่านหนึ่ง ไม่ให้ผู้ปกครองคนดังกล่าวเดินเรื่องฟ้องร้องเอาผิด หลังจาก ผอ.รร. ได้ปฎิบัติงานผิดพลาดประเด็นเรื่องลัทธิอนุตตรธรรม ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมผู้ปกครองคนดังกล่าวขู่จะนำเรื่องฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัด และแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 157 กับ ผอ.รร. ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นภายในโรงเรียน
โดยในคลิปจะเห็นว่า ผู้ปกครองท่านนี้ได้พูดกับ ผอ.รร. ว่า “ขอนำเงินส่งคืนให้กับท่าน ผอ. ในส่วนที่ท่านได้ทำกับดิฉันเมื่อวานนี้ ดิฉันถือว่าเป็นการหยามเกียรติดิฉันมากเลย ใช้ฉันเป็นสื่อในสิ่งที่ไม่ดี” ซึ่งทันทีที่ประธานเครือข่ายสมาคมผู้ปกครอง ยื่นซองเงินคืนให้ ผอ.รร. เจ้าตัวมีสีหน้าที่อึ้งและตกใจ และพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่เป็นไร ๆ“
นางอัญชลีพร รักษาสัตย์ ประธานเครือข่ายสมาคมผู้ปกครอง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ 1 วัน ช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ ผอ. ได้โทรศัพท์มาหา บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เมื่อเดินทางไปถึงมีการนัดกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาภายในโรงเรียน ซึ่งตนเองเป็นประธานเครือข่ายสมาคมผู้ปกครอง จึงเสนอไปว่าระเบียบต่าง ๆ ที่เคร่งคัดเกินไปก็ควรหย่อนบ้าง และให้ ผอ.พูดยอมรับผิดกับเด็กนักเรียนไปเลย เรื่องโครงการอบรมค่ายคุณธรรมที่ได้เชิญวิทยากรลัทธิอนุตตรธรรมมาอบรมเด็ก ๆ ซึ่งเป็นความผิดพลาด ซึ่งตนเองก็แนะนำไป
จากนั้น ผอ.โรงเรียน ได้ขอให้ตนเองช่วยไปพูดคุยกับคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองอีกคนให้หน่อย เพราะก่อนหน้านี้คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองคนนั้น เคยบอกว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับ ผอ. ที่ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งตนเองก็ได้รับปากว่าจะช่วยพูดคุยให้ แต่หลังจากนั้น ผอ. ได้ยื่นซองสีขาวให้ตนเองและบอกว่าฝากให้คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองคนนั้นหน่อย และบอกว่า “ช่วยคุยให้หน่อยนะ” ตอนนั้นตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร และหยิบซองดังกล่าวใส่ถุงกาแฟกลับมาที่บ้าน และเมื่อเจอกับคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองคนนั้นได้เปิดซองดังกล่าวดู จนพบว่าซองขาวดังกล่าวมีเงินสดจำนวน 5 พันบาท
ขณะนั้นตนเองและคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองคนนั้น ยอมรับว่า โกรธมาก รู้สึกถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรี และไม่เข้าใจว่าทำไม ผอ. ต้องยื่นเงินเพื่อติดสินบนให้ตนเองด้วย จากนั้นตนเองจึงเดินทางไปที่โรงเรียนเมื่อวานนี้เวลาประมาณ 1 ทุ่ม เพื่อเอาซองเงินสดไปคืน ผอ. แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ให้คืน เพราะ ผอ.เดินหนีขึ้นรถไป ตนเองไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะกลัวมีความผิดด้วยที่รับสินบน และไม่พอใจกับพฤติกรรม ผอ. ที่ทำแบบนี้ จึงนำซองที่ ผอ.ติดสินบนให้คืน ผอ. ในวันนี้
Advertisement